วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

คุณทำงานเพื่อใคร ใช่คนที่คุณรักหรือเปล่า

มีชายหนุ่มไฟแรง ที่มุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น
เขามีความฝันจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนสาว
เธอจะมารอ..ที่หน้าประตูบ้าน..ของเขา หลังจากที่เขาเลิกงาน
เขาพบเธอ..ก็ยิ้มแย้ม ..ยินดีต้อนรับ.. สนทนากัน..แล้วเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับถึงบ้าน ช้ากว่าปกติมาก
แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอที่หน้าบ้านเขา.. เช่นทุกวัน

“ โทษทีนะที่รัก วันนี้มีงานด่วน เลยกลับมาช้าไปหน่อย ”

เธอยังยิ้มให้เขา “ คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว
ทำไมยังทำงานหนักอีกล่ะ ?”

“ ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ มีรถที่ดูโอ่อ่ามากกว่านี้
.. เพื่อคุณนะจ๊ะ ”

เวลาผ่านไป 1 ปี
หญิงสาวมาหาเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องอย่างนี้

วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา

“ คุณมีเงินมากพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่รึยัง ?”

“ ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณด้วย ”

เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ

“ ฉันบอกหรือว่า ฉันอยากได้แหวนวงใหม่ ?”

“ ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก ”


3 เดือนแล้ว..ที่เขาไม่เห็นเธอที่หน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่
เขาจึงตัดสินใจลางาน 1 วัน เพื่อไปหาเธอ
เขาขับรถคันหรู ผ่านเส้นทางที่ขรุขระ อย่างยากลำบาก

‘ เธอต้องใช้ทางเส้นนี้มาหาเราทุกวันเหรอเนี่ย ?’ เขารำพึง

เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับและมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา
และบอกเส้นทางที่เป็นสถานที่ ที่เธออยู่ ที่ซึ่งเขาจะพบเธอได้

เนินเขาเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ มีแท่นหินสลักชื่อหญิงสาว ตั้งอยู่กลางเนิน

น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินออกมา มือสั่นเทาของเขา เปิดกล่องไม้อย่างช้า ๆ

ข้างในกล่องอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ

เขาเริ่มอ่านข้อความ..ทีละใบ...ทีละใบ.....

“ วันนี้ ..คุณกลับมาช้า ..ฉันรอ 2 ชั่วโมง ..ไม่เป็นไร ..ฉันรักคุณ ”

“ วันนี้ฝนตก ..ฉันยังรอ ..แต่ไม่เจอคุณ.. ไม่เป็นไร .. แต่ฉันยังรักคุณ ”

“ ฉันเริ่มป่วย.. จนไปหาคุณไม่ได้ ..คุณคงไม่ทันได้สังเกต.. ไม่เป็นไร...
แต่ฉันยังรักคุณ ”

“ วันนี้ ..คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่..
คุณคงลืมว่า..ฉันตอบตกลง..จะแต่งงานกับคุณ ..เพราะแหวนวงนี้
แต่ไม่เป็นไร..ฉันยังรักคุณ ”

ชายหนุ่มได้เรียนรู้แล้วว่า.......
บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต
อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อย ที่เขาเคยได้รับ จนเป็นเรื่องปกติของทุกวัน

รถคันหรูแล่นไกลออกไป เหลือไว้เพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ
ที่ดูไม่เหลือค่าอะไร ..สำหรับเขา..อีกต่อไป

“ ผมมีบ้านหลังใหญ่..แต่คงกว้างไป สำหรับการที่จะต้องอยู่คนเดียว
ผมมีรถราคาแพง แต่ไม่รู้จะขับไปรับใคร ให้มานั่งเคียงคู่ ..เพื่อไปที่ไหน ๆด้วยกัน

ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลา ที่จะได้อยู่กับคนที่..ผมรัก

ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกว่า ‘ รักเธอ ’..

ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อมตามที่ผมฝัน แต่ขาดส่วนที่สำคัญที่สุด ..ที่อยากให้ย้อนกลับมา..จะได้ไหม ?”..

ลองก้าวออกจากโต๊ะทำงานก่อนตะวันจะตกดินสักวันสองวันต่อสัปดาห์
หันกลับไปเอาใจใส่คนที่รักเราบ้าง อาจจะไม่ใช่แค่แฟนหรือคนรัก
บางที พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ก็เฝ้ารอ 1 นาทีจากเราเหมือนกัน

ณ วันนี้...อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาเหลือมากกว่า 1 นาทีที่บางคนโหยหา...

อย่าปล่อยให้อะไรๆ มันสายเกินไป...
ชีวิตคน...ถึงมันจะไม่สั้นนัก...แต่มันก็ใช่ว่าจะยาวนานตลอดไป.............

เงินทองที่มากมายจากการทำงานหักโหม...
บางทีอาจได้คืนกลับมาเพียงแค่โลงราคาแพงจากน้ำพักน้ำแรง
ในครึ่งชีวิตที่ผ่านมา ....................


..... อ่านจบแล้ว ถ้าคิดได้ เย็นนี้ก็ Shut down ........

แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต

แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต

1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็กๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว
แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งพูดว่า "ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น
นะ ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม

2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผม
จะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให้ผมกิน ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้างๆ ผม
แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมไ ด้กินเนื้อปลาไปแล้ว ผม
รู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับ
กล่าวว่า
"ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม

3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้
พิเศษด้วยการรับงานเล็กๆ น้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอน
ตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน " แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว
พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่
เหนื่อย...นอนไม่หลับ" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม

4. ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย แม่อุตส่าห์หยุดงานไป
เป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจให้ผม มันเป็นวันที่แดดร้อนมากๆ...แม่ต้องรอผม
อยู่หลายชม. เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่ เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วม
ตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและ
ร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหายน้ำ" นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกผม

5. หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมาก
ขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้างๆ บ้านท่านเป็นคนดี พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเรา
เสมอ....เช่น ซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมากก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า "แม่มีลูกอยู่ทั้ง
คน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

6. ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุกเช้า ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้งๆ ที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่ (ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล) แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก แม่พูดกับผมว่า
"แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 6

7. เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า.. ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพัก...ผมอยากให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่อเมริกา เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน...พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผมว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน" ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกผม

8. เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อยๆ.. ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้องเข้ารับการผ่า
ตัด ที่โรงพยาบาล ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุดที่รักทันที แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อผมไปถึง น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซึ่งผ่ายผอมและดูทรุดโทรมลงอย่างมาก แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม....พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดฝืน จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั้งตัว ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ
"ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว" นี่เป็นครั้งที่ 8
ที่แม่โกหกผม และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหกผม
แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตได้ปิดตาลงและจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งที่ 8 จบลง
เมื่ออ่านจบแล้ว อยากถามคุณหน่อยว่า ได้ทำอะไรเพื่อแม่รึยัง?

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

ชาวเกาะ และโปรแกรมเมอร์


ชาวเกาะ และโปรแกรมเมอร์
 มีชายหนุ่ม 2 คน คนแรกเป็นนักโปรแกรมเมอร์(ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์) ซึ่งฉลาดมาก
 แต่มาอยู่วันหนึ่ง นักโปรแกรมเมอร์ติดเกาะ จนมาพบกับชาวเกาะที่ไม่ได้เรียนหนังสือพายเรือมาช่วยไว้
 นักโปรแกรมเมอร์ : พี่ๆ พี่จบชั้นไรมาล่ะ
 ชาวเกาะ : อ๋อ พี่ไม่ได้เรียนหนังสือหรอกน้อง
 นักโปรแกรมเมอร์ : พี่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นหรือเปล่า
 ชาวเกาะ : ไม่เป็นหรอก
 นักโปรแกรมเมอร์ : พี่รู้เปล่า พี่เหมือนตายไปแล้ว 10 % (นักโปรแกรมเมอร์อวดใส่)
 นักโปรแกรมเมอร์ : พี่สร้าง HTML ในคอมเป็นหรือเปล่า
 ชาวเกาะ : ไม่เป็นหรอกน้อง
 นักโปรแกรมเมอร์ : พี่ก็เหมือนตายไปแล้ว 15%
 แต่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่ทันคิด... คลื่นทะเลซัดมาแรงจนทำให้เรือคว่ำได้
 ชาวเกาะพูดว่า : น้องว่ายน้ำได้ไกลเกิน 200 ม. มั้ย
 นักโปรแกรมเมอร์ : ไม่เป็นพี่
 ชาวเกาะพูดอีกว่า : ตอนนี้ฉันตายไปแล้วรวมเป็นเท่าไม่รู้ แต่ตอนนี้ แกตายแน่ๆ 100%
 .
 .
 .
 @Pp. ไอพวก ชอบดูถูกคนอื่น...สมควรตายยย..!!