วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

สิ่งที่เรามองข้าม

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. 

ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ 

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ ครอบครัวเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า

แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้วแต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ ทุกบ้านมีคนหา รายได้ได้ถึง 2 คน แต่การ หย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นจากนี้ไปขอให้พวกเรา

อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้าง ว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิต อยู่คือโอกาสที่พิเศษสุดแล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือ โซ่ห่วงของนาที แห่งความสุข ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า "สักวันหนึ่ง……" ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่า เรารักพวกเขาเหล่านั้น แค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลย ว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

และเวลานี้….

ร้านตัดสูท

ผมไปตัดสูทไว้ เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน แล้วเมื่อวานโทรไปนัดช่างไว้ว่า วันนี้จะเข้าไปรับเสื้อสูทตอน 8 โมงเช้า เพราะต้องใส่สูทเข้าประชุมตอน 9 โมง

ผมไปถึงร้าน 8 โมงตรง ไม่เห็นมีใครซักคน นอกจากแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่ 
ก็เลยตรงเข้าไปพูดแม่บ้านว่า ช่างตัดเสื้อหายไปไหนกันหมด ป่านนี้ยังไม่มาทำงาน ผมนัดไว้ 8 โมง ทำงานกันแบบนี้ แย่จริง

แม่บ้านไม่พูดอะไรซักคำ ได้แต่มองหน้าผม แล้วก็ชี้ไปที่ป้ายข้างบน

ที่ป้ายนั้นเขียนว่า " ลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ "

แม่กินส้มตำ

แม่กำลังกินส้มตำ

แม่: กินส้มตำมั้ยลูก 
ลูก: ไม่เอาหรอกแม่ กินเยอะเดี๋ยวหูชา 
แม่: ทำไมหล่ะ ?? 
ลูก: มีมะเขือเทศ 

ชายแต่งชุดดำจูงสุนัข

ชายคนหนึ่งหยุดรอไฟแดงที่สี่แยก มองเห็นขบวนแห่ศพ 2 โลงศพ และตามด้วยชายแต่งชุดดำจูงสุนัข และมีผู้ชายเดินตามประมาณ 50 คน

เขาแปลกใจจึงถามชายชุดดำจูงสุนัขว่าศพใคร?
ชายชุดดำ" ศพภรรยา และ แม่ยาย"
เขาถามต่อว่า เป็นอะไรตาย ?
ชายชุดดำ ตอบว่า หมาที่เขาจูงมากัดภรรยาพอแม่ยายมาช่วย หมาจึงกัดตายทั้งคู่ 

เขาคิดสักครู่จึงถามว่า อยากจะขอยืมหมาสัก 1-2 วันได้ไหมครับ

ชายชุดดำตอบว่ากรุณาต่อแถวหลังชาย 50 คน

วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

ขอทานกับร้านซาลาเปา


ร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง...กิจการดีมาก มีลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวัน วันหนึ่ง มีขอทานสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เนื้อตัวสกปรก มาที่ประตูร้าน ทำให้ลูกค้าหลายคนพากันอุดจมูกเดินหนี
ลูกจ้างของร้านก็เข้ามาต่อว่า และเอ่ยปากไล่ไปให้พ้นร้าน แต่ขอทานก็รีบอธิบาย " คุณครับ ผมไม่ได้มาขอทานหรอก แต่จะมาซื้อซาลาเปา " พร้อมกับเอาเหรียญเศษสตางค์ ออกมานับด้วยสองมือ...
ลูกจ้างรู้สึกรำคาญ จึงออกแรงปัด เหรียญทั้งหมด...ต ก พื้ น !!!
ขอทานตกใจ รีบก้มลงเก็บเหรียญบาทบนพื้น แต่หาอย่างไร ก็ขาดไป 1 บาท อยู่ดี
" เหรียญ 1 บาท นี่...คุณทำตกใช่ไหมครับ "
ขอทานเงยหน้ามอง ก็เห็นเถ้าแก่ ของร้าน...เขาไม่กล้าแม้แต่จะรับเงินจากเถ้าแก่ และกำลังจะวิ่งหนีด้วยความลุกลี้ลุกลน แต่ก็ถูกเถ้าแก่เรียกให้หยุด พร้อมพูดว่า..." ยินดี ต้อนรับครับ คุณลูกค้า !!! ไม่ทราบว่าคุณต้องการ ซาลาเปาไส้อะไร "
ขอทานตะลึงงัน ผ่านไปสักพัก จึงตอบกลับไปว่า " ผมอยากได้ซาลาเปาไส้หมู 1 ลูก "
" ครับ...กรุณารอสักครู่ " แล้วหันไปคีบซาลาเปาไส้หมู ออกจากซึ้งมา และยื่นให้ขอทานอย่างนอบน้อม
และหันไปถามลูกจ้างว่า..." นี่คือวิธีต้อนรับลูกค้าของเธองั้นหรือ "
" แต่เค้าเป็นแค่ ขอทานคนหนึ่ง " ลูกจ้างอธิบาย
" ต่อให้เค้าเป็นขอทาน ก็เป็นลูกค้าของเรา เธอโดนไล่ออกแล้วล่ะ " เถ้าแก่กล่าว
จากนั้น...เรื่องที่ทำให้คนในร้าน ตกใจยิ่งกว่า ก็คือ...เถ้าแก่ให้ขอทานคนนี้ มาเป็นลูกจ้างในร้าน และเมื่อขอทานคนนี้ ชำระร่างกายจนสะอาด เผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาผิดคาด อีกทั้งยังขยันขันแข็ง กลายเป็นผู้ช่วยของร้านได้อย่างดี...
ภายหลัง...มีคนถามเถ้าแก่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า...เถ้าแก่ดูออกได้อย่างไรว่า แท้จริงแล้วขอทานคนนี้ เป็นทองชั้นดี
เถ้าแก่ตอบกลับมาว่า..." ที่จริงแล้วง่ายมาก เขาไม่ได้มาขอซาลาเปากิน แต่เขารวบรวมเงินอย่างอยากลำบาก มีเงินแล้วค่อยมาซื้อซาลาเปาของเรา แสดงให้เห็นว่า...
>>> เขาเป็นคนที่...เ ค า ร พ ตั ว เ อ ง <<<
การไม่เคารพผู้อื่น หมายถึงการไม่เคารพตัวเอง
และ มีเพียงคนที่เคารพตัวเองเท่านั้น
จึงจะเคารพ...ง า น ที่ ตั ว เ อ ง ทำ

กระจกสะท้อนการกระทำ

ชายคนหนึ่งกับลูกชายวัยซน กำลังเดินเที่ยวอยู่ในป่าบนภูเขา

ทันใดนั้น เท้าเด็กน้อยได้สะดุดกับหินก้อนโต และเจ็บแปลบ จึงร้องเสียงหลง "โอ๊ย!!"

แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับมาจากภูเขาว่า... "โอ๊ย!!"

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าหนูจึงตะโกนถาม "เจ้าเป็นใคร"

แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ... "เจ้าเป็นใคร!!"

ด้วยเหตุนี้ ความโกรธของเจ้าหนู ก็แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ แล้วตะโกนสุดเสียงกลับไปอีกว่า "เจ้าคนขี้ขลาด"

และเสียงนั้นก็ตอบกลับมาว่า "เจ้าคนขี้ขลาด!!"

เด็กน้อยตาโต...มองหน้าพ่อ ที่เดินเข้ามาหา แล้วถามว่า "พ่อครับ...เกิดอะไรขึ้น"

ผู้เป็นพ่อ ยิ้มบางๆ ก่อนตอบ "ลูกรัก...ฟังให้ดีนะ"

จากนั้นจึงหันไปทางหน้าผา ภูเขาสูง แล้วตะโกน... "ผมชื่นชมในตัวคุณ"

เสียงนั้นตอบกลับมาว่า... "ผมชื่นชมในตัวคุณ!!"

พ่อตะโกนต่อไปอีกว่า... "คุณยอดเยี่ยมมาก"

และเสียงนั้นก็ตอบกลับมาว่า... "คุณยอดเยี่ยมมาก!!"

สร้างความฉงนให้กับเจ้าหนูยิ่งนัก

พ่อหันมองลูกชาย...ก่อนอธิบายว่า..."คนทั่วไป เรียกเสียงนี้ว่า 'เสียงสะท้อน' แต่จริงๆ แล้ว มันคือ 'ชีวิต'...

+ ชีวิต...มักจะคืนให้ในสิ่งที่เราให้ออกไป

+ ชีวิต...เป็นกระจกสะท้อนการกระทำของเรา....

+ ถ้าลูกอยากได้รับความรักมากขึ้น...จงหยิบยื่นความรักออกไปมากขึ้น!

+ ถ้าลูกอยากได้รับความเมตตา กรุณามากขึ้น...จงให้ความกรุณามากขึ้น

+ ถ้าลูกอยากได้ความเข้าใจ และความนับถือ...ลูกจงให้ความเข้าใจ และนับถือ

+ ถ้าลูกอยากให้คนอดทนและให้เกียรติลูก...ลูกจงอดทน และให้เกียรติคนอื่น

+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

กฎเหล่านี้ ใช้ได้กับชีวิตทุกด้านของเราเลยลูกเอ๋ย...

"จงจำไว้ว่า" ชีวิตมักคืนให้ ในสิ่งที่เราให้ออกไป ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ไม่ใช่เหตุบังเอิญ...หากแต่ เป็นกระจกสะท้อนการกระทำของเราเอง..."

ชีวิตคนเรา

   0 ขวบ   เปิดฉากชีวิต
  10 ขวบ   สนุกสนานเติบโต
  20 ขวบ   ลังเลไม่แน่
  30 ขวบ   เข็มมุ่งเห็นชัด
  40 ขวบ   มุ่งมั่นให้สำเร็จ
  50 ขวบ   สร้างความมั่นคง
  60 ขวบ   แก่แล้วกลับบ้าน
  70 ขวบ   ดูแลลูกหลาน
  80 ขวบ   นั่งๆนอนๆ
  90 ขวบ   รับแขกบนเตียง
100 ขวบ   แขวนไว้ข้างฝา

ดังนั้น 
อยากกิน...กิน,
อยากเที่ยว....เที่ยว
เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้,
สุขสบายทุกเพลา,
เวลาที่ยังจับมือไหว
ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์,
เวลาที่ยังกอดไหว
ให้โอบกอดให้ชื่นใจ,
ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง เพื่อนที่ดีต่อไป,
เวลาที่อยู่ด้วยกัน
อย่าได้โกรธกันง่ายๆ

หมอสั่งยาให้คุณตา

หมอ: คุณตา..รับยาไปทานนะครับ เช้าเม็ด..กลางวันเม็ด และ..เย็นเม็ดนะครับ

คุณตารับยาแล้วออกจากคลีนิคไป อาทิตย์ต่อมา..เมียคุณตา มาที่คลีนิคคนเดียวพร้อมด้วยท่าทางอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด

หมอ: อ้าวคุณยายครับ คุณตาเป็นยังไงบ้างครับ

คุณยาย : คุณตานอนแผ่อยู่ที่บ้านค่ะ! ก็ยาที่หมอให้ไป..เขียนตัวเล็กมาก คุณตาแกอ่านผิดจาก มอม้า เป็น ยอยัก น่ะสิ

หมอ: อุ้ย!! ต้องขอโทษด้วยน่ะครับ เดียวผมจะเขียนตัวให้ใหญ่และชัดเจนกว่าเดิมครับ

คุณยาย : เออ..อ่า.. คุณหมอคะไม่ต้องหรอกค่ะ! แค่หมอ เพิ่มก่อนนอน ไปอีกเม็ดก็พอ

คำสั่งท่านนายพล

ท่านนายพลไปตรวจราชการทางเหนือสั่ง ทส. ว่า

"คืนนี้ขอแบบ  ผมยาว ๆ นมขาว ๆ  นะ"
แล้วก็มีการรับคำสั่งกันไป 2-3 ทอดหลังงานเลี้ยงรับรองเลิก ท่านนายพลกระหยิ่มยิ้มย่อง รีบกลับที่พัก แต่เมื่อเข้าห้อง เพียงแป๊บเดียวท่านนายพลต้องรีบเผ่นออกมา ตะโกนเรียกหา  ทส.  

"เหี้ย  กูบอกเอานมขาว ๆ ผมยาว ๆ  ไม่ใช่  ผมขาว ๆ  นมยาว ๆ  แม่งเอ๊ย  !@#$/& "

กะเหรี่ยงพบปลัดอำเภอ

กะเหรี่ยงไปพบปลัดอำเภอ
ปลัดถาม:: มาติดต่ออะไรครับ?
กระเหรี่ยง:: โผมจะมาจดทะเบียงโสรสคับ
ปลัด:: อ้าว! มาจดทะเยียนสมรสต้องเอาเมียมาด้วย ต้องกลับไปเอาเมียมาก่อน

สองชั่วโมงผ่านไป... กะเหรี่ยงกลับมาอีก
ปลัดถาม:: เอาเมียมาหรือยัง?
กะเหรี่ยง:: เอามาแล้วคับ โผมเอาตั้ง 2 ที แล้ว ทีนี้โจ๊ดทะเบียงได้ยังคับ........................!!!?!!!

เถียงแล้วได้อะไร

เถียงชนะลูกค้า ชนะแล้วลูกค้าก็ไปแล้ว
เถียงชนะเพื่อนร่วมงาน ชนะแล้วความสามัคคีก็หมดแล้ว
เถียงชนะเจ้านาย ชนะแล้วก็ไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงานแล้ว
เถียงชนะญาติ ชนะแล้วความเป็นญาติพี่น้องหายไปแล้ว
เถียงชนะเพื่อน ชนะแล้วเพื่อนก็น้อยลงแล้ว
เถียงชนะคนรัก ชนะแล้วความรักก็จางไปแล้ว
เถียงชนะใคร ชนะคือแพ้ สู้ชนะตัวเองไม่ได้
ให้ตัวเองเข้มแข็ง เติบโต มั่นคง ถึงจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง

มองชิวิตที่เปลือยเปล่า

คนอยู่บนสวรรค์ เงินอยู่ในธนาคาร ; คนเราตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเงินใช้  ตายแล้วเงินก็ยังใช้เงินไม่หมด หวางจวินเหยานักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ในเจ้อเจียงเสียชีวิตในขณะที่อายุยังไม่มาก เหลือเงินฝากไว้ให้ภรรยา 1,900,000,000 และภรรยาได้แต่งงานใหม่กับคนขับรถของคุณหวางในสมัยที่คุณหวางยังมีชีวิตอยู่
ในขณะที่คนขับรถคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็คิดว่า”แต่ก่อน เรานึกว่าเราเป็นคนทำงานให้เจ้านาย ตอนนี้เราเพิ่งเข้าใจแล้วว่าเจ้านายทำงานให้เรามาตลอด”ความจริงที่โหดร้ายนี้เป็นตัวแสดงว่า : มีชีวิตที่ยืนยาว สำคัญกว่าความรวยความหล่อ ขอให้ทุกคนหมั่นออกกำลังกาย ระวังสุขภาพ  ใครเป็นฝ่ายทำงานให้ใครนั้นพูดยาก

โทรศัพท์ที่ทันสมัย 1เครื่อง,  70%ของฟังก์ชั่นในโทรศัพท์นั้นไม่มีประโยชน์
รถหรูๆ 1 คัน  , 70% ของความเร็วนั้นเหลือใช้
บ้านหรูๆ 1 หลัง, 70% ของพื้นที่นั้นว่างเปล่า
ในมหาวิทยาลัยสักแห่ง ,70% ของศาสตราจารย์เป็นพวกไร้สาระ
กิจกรรมทางสังคมหลายอย่าง , 70% เป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ
เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน , 70% ไม่ได้ใช้ ไร้ประโยชน์
เงินที่หามาทั้งชีวิต , 70% ก็ทิ้งไว้ให้ผู้อื่นใช้

สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ  ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้องบำรุง ไม่กระหายแต่ก็ต้องดื่มน้ำ ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้องปล่อยวาง  มีเหตุมีผลแต่ก็ต้องยอมคน  มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จักถ่อมตน ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้องพักผ่อน ไม่รวยแต่ก็ต้องรู้จักพอเพียง ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จักพักผ่อน

หมั่นเตือนตน:  ชีวิตนี้สั้นนักหากเวลาของคุณยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความเหล่านี้ต่อให้เพื่อนของคุณ  ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้ใส่ใจตัวเองบ้าง