มีชายหนุ่มไฟแรง ที่มุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น
เขามีความฝันจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนสาว
เธอจะมารอ..ที่หน้าประตูบ้าน..ของเขา หลังจากที่เขาเลิกงาน
เขาพบเธอ..ก็ยิ้มแย้ม ..ยินดีต้อนรับ.. สนทนากัน..แล้วเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับถึงบ้าน ช้ากว่าปกติมาก
แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอที่หน้าบ้านเขา.. เช่นทุกวัน
“ โทษทีนะที่รัก วันนี้มีงานด่วน เลยกลับมาช้าไปหน่อย ”
เธอยังยิ้มให้เขา “ คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว
ทำไมยังทำงานหนักอีกล่ะ ?”
“ ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ มีรถที่ดูโอ่อ่ามากกว่านี้
.. เพื่อคุณนะจ๊ะ ”
เวลาผ่านไป 1 ปี
หญิงสาวมาหาเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องอย่างนี้
วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา
“ คุณมีเงินมากพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่รึยัง ?”
“ ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณด้วย ”
เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ
“ ฉันบอกหรือว่า ฉันอยากได้แหวนวงใหม่ ?”
“ ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก ”
3 เดือนแล้ว..ที่เขาไม่เห็นเธอที่หน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่
เขาจึงตัดสินใจลางาน 1 วัน เพื่อไปหาเธอ
เขาขับรถคันหรู ผ่านเส้นทางที่ขรุขระ อย่างยากลำบาก
‘ เธอต้องใช้ทางเส้นนี้มาหาเราทุกวันเหรอเนี่ย ?’ เขารำพึง
เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับและมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา
และบอกเส้นทางที่เป็นสถานที่ ที่เธออยู่ ที่ซึ่งเขาจะพบเธอได้
เนินเขาเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ มีแท่นหินสลักชื่อหญิงสาว ตั้งอยู่กลางเนิน
น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินออกมา มือสั่นเทาของเขา เปิดกล่องไม้อย่างช้า ๆ
ข้างในกล่องอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ
เขาเริ่มอ่านข้อความ..ทีละใบ...ทีละใบ.....
“ วันนี้ ..คุณกลับมาช้า ..ฉันรอ 2 ชั่วโมง ..ไม่เป็นไร ..ฉันรักคุณ ”
“ วันนี้ฝนตก ..ฉันยังรอ ..แต่ไม่เจอคุณ.. ไม่เป็นไร .. แต่ฉันยังรักคุณ ”
“ ฉันเริ่มป่วย.. จนไปหาคุณไม่ได้ ..คุณคงไม่ทันได้สังเกต.. ไม่เป็นไร...
แต่ฉันยังรักคุณ ”
“ วันนี้ ..คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่..
คุณคงลืมว่า..ฉันตอบตกลง..จะแต่งงานกับคุณ ..เพราะแหวนวงนี้
แต่ไม่เป็นไร..ฉันยังรักคุณ ”
ชายหนุ่มได้เรียนรู้แล้วว่า.......
บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต
อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อย ที่เขาเคยได้รับ จนเป็นเรื่องปกติของทุกวัน
รถคันหรูแล่นไกลออกไป เหลือไว้เพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ
ที่ดูไม่เหลือค่าอะไร ..สำหรับเขา..อีกต่อไป
“ ผมมีบ้านหลังใหญ่..แต่คงกว้างไป สำหรับการที่จะต้องอยู่คนเดียว
ผมมีรถราคาแพง แต่ไม่รู้จะขับไปรับใคร ให้มานั่งเคียงคู่ ..เพื่อไปที่ไหน ๆด้วยกัน
ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลา ที่จะได้อยู่กับคนที่..ผมรัก
ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกว่า ‘ รักเธอ ’..
ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อมตามที่ผมฝัน แต่ขาดส่วนที่สำคัญที่สุด ..ที่อยากให้ย้อนกลับมา..จะได้ไหม ?”..
ลองก้าวออกจากโต๊ะทำงานก่อนตะวันจะตกดินสักวันสองวันต่อสัปดาห์
หันกลับไปเอาใจใส่คนที่รักเราบ้าง อาจจะไม่ใช่แค่แฟนหรือคนรัก
บางที พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ก็เฝ้ารอ 1 นาทีจากเราเหมือนกัน
ณ วันนี้...อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาเหลือมากกว่า 1 นาทีที่บางคนโหยหา...
อย่าปล่อยให้อะไรๆ มันสายเกินไป...
ชีวิตคน...ถึงมันจะไม่สั้นนัก...แต่มันก็ใช่ว่าจะยาวนานตลอดไป.............
เงินทองที่มากมายจากการทำงานหักโหม...
บางทีอาจได้คืนกลับมาเพียงแค่โลงราคาแพงจากน้ำพักน้ำแรง
ในครึ่งชีวิตที่ผ่านมา ....................
..... อ่านจบแล้ว ถ้าคิดได้ เย็นนี้ก็ Shut down ........
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556
แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต
แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต
1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเ ด็กๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้า วบ่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข ้าว
แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งพูดว่า "ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น
นะ ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม
2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปต กปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผม
จะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อก ารเจริญเติบโตของผม แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให ้ผมกิน ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะน ั่งข้างๆ ผม
แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปล าหลังจากที่ผมไ ด้กินเนื้อปลาไปแล้ว ผม
รู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับ
กล่าวว่า
"ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกิน เนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม
3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้
พิเศษด้วยการรับงานเล็กๆ น้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอน
ตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน " แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมาก แล้ว
พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่
เหนื่อย...นอนไม่หลับ" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม
4. ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไ ปสอบเป็นวันสุดท้าย แม่อุตส่าห์หยุดงานไป
เป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจใ ห้ผม มันเป็นวันที่แดดร้อนมากๆ...แม่ ต้องรอผม
อยู่หลายชม. เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกม าหาแม่ เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วม
ตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียม มาให้ผมดื่ม ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและ
ร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหา ยน้ำ" นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกผม
5. หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียช ีวิต คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนัก ขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบ ครัว แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุ ณแม่จะพยายามมาก
ขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้างๆ บ้านท่านเป็นคนดี พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเรา
เสมอ....เช่น ซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมาก ก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า "แม่มีลูกอยู่ทั้ง
คน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว
6. ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหน ักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุก เช้า ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพ ทั้งๆ ที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่ (ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไก ล) แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางค รั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก แม่พูดกับผมว่า
"แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก ็บเงินไว้สร้างฐานะ" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 6
7. เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า.. ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วย ทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสีย งในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่ นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพัก...ผมอยาก ให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่อเมริกา เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน...พั กผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผม ว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน" ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกผม
8. เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อยๆ.. ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้อง เข้ารับการผ่า
ตัด ที่โรงพยาบาล ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุ ดที่รักทันที แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่ อผมไปถึง น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซ ึ่งผ่ายผอมและดูทรุดโทรมลงอย่าง มาก แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม....พ ยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวด รวดร้าวอย่างสุดฝืน จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั ้งตัว ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วย ความสงสาร หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ ็บปวดอย่างที่สุด แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบ พร่าและสั่นเครือ
"ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่ ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว" นี่เป็นครั้งที่ 8
ที่แม่โกหกผม และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแ ม่ที่โกหกผม
แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตไ ด้ปิดตาลงและจากผมไปอย่างไม่มีว ันกลับ
หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งท ี่ 8 จบลง
เมื่ออ่านจบแล้ว อยากถามคุณหน่อยว่า ได้ทำอะไรเพื่อแม่รึยัง?
1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเ
แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งพูดว่า "ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น
นะ ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม
2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปต
จะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อก
แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปล
รู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ
กล่าวว่า
"ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกิน
3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้
พิเศษด้วยการรับงานเล็กๆ น้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอน
ตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน " แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมาก
พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่
เหนื่อย...นอนไม่หลับ" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม
4. ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไ
เป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจใ
อยู่หลายชม. เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกม
ตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียม
ร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหา
5. หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียช
ขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้างๆ บ้านท่านเป็นคนดี พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเรา
เสมอ....เช่น ซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมาก
คน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว
6. ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหน
"แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก
7. เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า.. ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วย
8. เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อยๆ.. ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้อง
ตัด ที่โรงพยาบาล ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุ
"ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่
ที่แม่โกหกผม และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแ
แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตไ
หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งท
เมื่ออ่านจบแล้ว อยากถามคุณหน่อยว่า ได้ทำอะไรเพื่อแม่รึยัง?
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556
ชาวเกาะ และโปรแกรมเมอร์
ชาวเกาะ และโปรแกรมเมอร์
มีชายหนุ่ม 2 คน คนแรกเป็นนักโปรแกรมเมอร์(ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์) ซึ่งฉลาดมาก
แต่มาอยู่วันหนึ่ง นักโปรแกรมเมอร์ติดเกาะ จนมาพบกับชาวเกาะที่ไม่ได้เรียนหนังสือพายเรือมาช่วยไว้
นักโปรแกรมเมอร์ : พี่ๆ พี่จบชั้นไรมาล่ะ
ชาวเกาะ : อ๋อ พี่ไม่ได้เรียนหนังสือหรอกน้อง
นักโปรแกรมเมอร์ : พี่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นหรือเปล่า
ชาวเกาะ : ไม่เป็นหรอก
นักโปรแกรมเมอร์ : พี่รู้เปล่า พี่เหมือนตายไปแล้ว 10 % (นักโปรแกรมเมอร์อวดใส่)
นักโปรแกรมเมอร์ : พี่สร้าง HTML ในคอมเป็นหรือเปล่า
ชาวเกาะ : ไม่เป็นหรอกน้อง
นักโปรแกรมเมอร์ : พี่ก็เหมือนตายไปแล้ว 15%
แต่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่ทันคิด... คลื่นทะเลซัดมาแรงจนทำให้เรือคว่ำได้
ชาวเกาะพูดว่า : น้องว่ายน้ำได้ไกลเกิน 200 ม. มั้ย
นักโปรแกรมเมอร์ : ไม่เป็นพี่
ชาวเกาะพูดอีกว่า : ตอนนี้ฉันตายไปแล้วรวมเป็นเท่าไม่รู้ แต่ตอนนี้ แกตายแน่ๆ 100%
.
.
.
@Pp. ไอพวก ชอบดูถูกคนอื่น...สมควรตายยย..!!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)