วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องเมล็ดพันธ์ชนะการประกวด



ครั้งหนึ่งในอเมริกากลาง
ทุก ๆ ปีจะมีการประกวดเมล็ดพันธ์ข้าวโพด
หลังจากการประกวดชายผู้ที่ชนะเลิศที่หนึ่ง
เขาทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นคือ ...

ทันทีที่เขาชนะ

เขาได้นำเมล็ดพันธ์ที่เพิ่งชนะการประกวด
แจกให้กับผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันและกล่าวว่า
เอาเมล็ดพันธ์นี้ไปปลูกน่ะ แล้วปีหน้าเรามาแข่งกันใหม่

ในปีต่อมา ...
เขาก็ชนะการประกวดเมล็ดพันธ์ข้าวโพดอีก
เขาเดินแจกเมล็ดพันธ์ที่เขาเพิ่งชนะให้กับคนอื่น ๆ
แล้วบอกว่า ...
เอาไปปลูกน่ะ แล้วปีหน้าเรามาแข่งกันใหม่

ชายผู้นี้ชนะการประกวดเมล็ดพันธ์ข้าวโพด
ติดต่อกัน 6 ครั้ง และเขาก็แจกเมล็ดพันธ์ที่ชนะ
ให้ผู้แข่งขันคนอื่น ๆ ทุกปี

มีนักข่าวถามเขาว่า ...
ไม่เป็นการง่ายกว่าหรือ ถ้าเขาเก็บเมล็ดพันธ์ที่ดี
โดยไม่แบ่งคนอื่น เขาก็จะได้ชนะง่าย ๆทุกปี

เขาตอบว่า ... แสดงว่า ...
คุณไม่เข้าใจในการปลูกพืช คุณเคยได้ยินคำว่า ...
การกลายพันธ์ไหม ถ้าไร่ของผมมีเมล็ดพันธ์ที่ดี
บังเอิญไร่ของเพื่อนบ้านมีแต่เมล็ดพันธ์ที่แย่ ๆ

วันหนึ่ง ลมก็จะพัดเอาเกสรของเมล็ดพันธ์ที่แย่ ๆ
มาตกในไร่ของผม ทำให้เมล็ดพันธ์ผมแย่ไปด้วย

มันไม่เป็นการดีหรอกหรือ ...
ที่ทุกคนมีเมล็ดพันธ์ที่ดีแล้ว ...
ถึงตอนนั้นมาแข่งกันว่า ...
ใครขยัน รดนำพรวนดินดีกว่ากัน

มีคำกล่าวว่า ...
ถ้าคุณมีเมล็ดพันธ์ความคิดที่ดี คุณเก็บไว้กับตัว
ไม่แบ่งปันใคร ถึงวันหนึ่งเมล็ดพันธ์แห่งความคิดนั้น
ก็จะตายไปพร้อมคุณ

เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ที่ความคิดและความรู้
ยิ่งให้ออกไป เรายิ่งได้รับกลับมา
และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คน ๆ นั้น

ประสบความสำเร็จที่มากขึ้นไปพร้อม ๆ กับ

การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในสังคม

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รู้จักกันมา 1,825 วัน


ชายคนหนึ่ง รู้จักกับหญิงสาว ซึ่งสนิทกันมาก 
รู้จักกันมา 1,825 วัน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน
เขาจดจำวันสำคัญที่เกี่ยวกับเธอได้หมด เช่น วันเกิด วันที่เธอได้หมาตัวแรก 
เขาคอยไปรับ ไปส่ง ที่บ้าน ที่เรียน ที่ตลาด ที่อื่นๆ อีกมากมาย
เขากด "ติดตาม" หญิงสาวเพื่อนสนิทของเขาไว้
เขาดูทุกรูปที่เธออัพขึ้นเฟซบุ๊ค จดจำ เรื่องราวของเธอคนนั้นเสมอ
เขาเปิดดูทุกรูป มีทั้งหมด 462 รูป จาก 21 อัลบั้ม
- มีรูปที่ยิ้มทั้งหมด 351 รูป
- มีรูปที่ไว้ผมยาว ปล่อยผม 370 รูป
เขาคุยกับเธอเกือบทุกวัน ก่อนนอนจะคุยกันเสมอ
.
.
และแล้ววันหนึ่งเขาก็เอาเรื่องราวเหล่านี้ไปบอกกับ "เธอ" คนนั้น
หญิงสาวตอบกับมาว่า "ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้"
ชายคนนั้นตอบมาว่า "ก็ฉันชอบเธอมากนะสิ"
หญิงสาว นิ่งไปสักพักแล้วตอบมาว่า "ทำไมพูดช้าจัง .....รอคำนี้อยู่"

สนับสนุนให้คนไทยบอกรักคนที่ตัวเอง "แอบชอบ" อย่างเป็นทางการ

เด็กหญิงโบว์รู้ทัน

เด็กหญิงโบว์ไปโรงเรียนวันแรก 
เด็กชายอุ่ยบอกจะให้เงินเธอ 5 บาท ถ้าเธอปีนเสาธงให้เขาดู 
โบว์ตกลง แต่เมื่อไปเล่าให้แม่ฟัง
"อย่าไปทำอีกนะโบว์ เจ้าเด็กนั่นมันหลอกดูกางเกงใน"แม่บอก

วันรุ่งขึ้น เด็กชายอุ่ยคนเดิมพยายามชวนให้โบว์ปีนเสาธงแต่โบว์ไม่ยอมเพราะเธอจำคำสอนของแม่ขึ้นใจ 
แต่ในที่สุดโบว์ก็ยอมเพราะเด็กชายอุ่ยให้เงินถึง 50 บาท 
แม่เริ่มโกรธ "แม่บอกแล้วไงว่าเจ้านั่นมันหลอกดูกางเกงใน"
โบว์ยิ้มกริ่ม
"หนูรู้ทันแล้วค่ะ หนูเลยถอดกางเกงในออกก่อนปืนเสาธง"
.....5555

"กิ๊ก" เป็นสิ่งเสพติด

พรบ.สิ่งเสพติดให้โทษ 
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 
25 มีนาคม พ.ศ.2556 
"กิ๊ก" เป็นสิ่งเสพติด ประเภท 4   เป็น วัตถุออกฤทธิ์ ต่อ จิตและประสาท เสพแล้วจะทำให้ มีความสุข ลืมทุกข์ ลืมตาย
โทษภัยของมัน มีผลรุนแรง ถึง "เมีย" ทำให้ กระวนกระวาย ทุกข์ เศร้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับ 
เกิดอาการเครียด แค้น ขาดสติ 
อาจทำร้าย คนข้างเคียง ได้โดยง่าย
ผู้ใดมีไว้ครอบครองเพื่อเสพ ต้องระวางโทษหลายอย่าง เช่น
      ถูกประณาม ประจาน หูยาน  หัวแตก ริบของกลาง หรือ
รับโทษสูงสุด คือ ตาย! 
สูงสุดๆ  คือ ตายทั้งคู่

คนขับรถ ผอ.

คนขับรถ ผอ. ชื่อหมาน เก่งเรื่องผู้หญิง มากจน ผอ. ต้องถาม. "เฮ้ยหมาน..เอ็งมีเคล็ดลับ
อะไร..วะ..ผู้หญิงถึงได้หลงใหล
แกนัก"
หมานว่า"ง่ายๆ..เจ้านาย..ก่อนผมจะมีอะไร..กับผู้หญิง...ผมเอาของผม..ฟาดหัวเตียงสามครั้ง.รับรอง..ติดหนึบ."
คืนนั้น ผอ. กลับบ้าน..อาบน้ำ..ย่องเข้าห้อง คุณนาย..ปิดไฟ
เสียงดังที่หัวเตียงปั้กๆๆ คุณนายงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น ร้อกทักว่า "นั่น..หมาน..เหรอ....จ๊ะ....."

ผู้จัดการอยากมี Sex กับเลขาสาว

ผู้จัดการอยากมี Sex กับเลขาสาวเลยบอกตรงๆว่า
“ผมขอมีอะไรด้วยได้ไหม ผมจะวางเงินไว้ให้หนึ่งพัน
ให้เธอก้มลงเก็บตังค์ พอยืนขึ้นเมื่อไหร่ ผมก็จะหยุด ok มั๊ย”
เลขาตอบ “เอ่อๆๆ หนูขอถามแฟนก่อนน๊ะค๊ะ”
แล้วเลขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนฟัง 
“แค่ก้มเก็บตั้งค์แล้วยืนขึ้นก็พอเหรอ …สักสองพันดีมั๊ย … ใช้เวลาแค่ก้มลงเก็บเองอีก 2 นาทีโทรกลับมาน๊ะ ก้มเก็บตังค์แป๊บเดียวเอง”
10 นาทีผ่านไป ฝ่ายชายก็โทรกลับมา 
“ทำไมไม่โทรกลับ นานแล้วเนี่ยะ”
“โอ๊วๆ อู๊ว ยางงงงง ไม่เสร็จค่ะพี่ โอ๊วๆๆๆๆ”
“ไรว๊ะก้มลงเก็บตังค์ แค่นี้เอง”
“โอ๊ววว โย๊ๆๆๆ อ๊าๆๆๆ …. 
หนูไม่รู้ว่ามันเป็นเหรีญบาทค่ะพี่ อ๊ากๆๆๆ โอ๊วววว”

เรื่องเกิดเพราะจำผิด

องค์การสหประชาชาติมีโครงการที่จะส่งคณะออกสำรวจขั้วโลกเหนือจึงจำเป็นที่จะต้องคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จึงได้จัดให้มีการทดสอบขึ้น โดยผู้สมัครจะต้องผ่านการทดสอบ ดังต่อไปนี้
1) ดื่ม vodga หนึ่งลิตรเต็ม ๆ ในอึกเดียว
2) จับมือกับหมีขาว
3) มี sex กับผู้หญิงเอสกิโม
ผู้สมัครคนแรกเป็นชาวอเมริกัน 
พอยกขวดเหล้าดื่มไปได้หน่อยเดียวก็ยอมแพ้ 
คนต่อมาเป็นชาวอังกฤษ ดื่มเหล้าหมดขวด
แล้วเข้าไปในเต็นท์หมีขาว แต่ไม่นานก็ต้องเผ่นหนีออกมา 
ในที่สุดผู้สมัครชาวไทยก็ปรากฏตัว ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างมั่นใจ แม้ว่าจะไม่ค่อยรู้ภาษาอังกฤษดีนักแต่ก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะผ่านการทดสอบ
ครั้งนี้ไปได้ตัวแทนจากสยามเมืองยิ้มเดินดุ่ม ๆ หยิบขวดเหล้ากรอกปากหมดขวดอย่างง่ายดาย หายเข้าไปในเต๊นท์หมีขาวถึงสองชั่วโมงพร้อมกับเสียง
โอดโอยของหมีขาวที่ดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ๆ ทำเอาคณะกรรมการและผู้สมัครคนอื่น ๆ ตื่นตะลึงถึงความแกร่งกล้าสามารถของผู้สมัครชาว
ไทยเป็นอย่างมาก สักพักผู้สมัครชาวไทยก็โผล่ออกมาด้วยท่าทางสดชื่น
และยินดีพร้อมกับตะโกนว่า"ผู้หญิงเอสกิโมที่ผมจะต้องจับมือด้วย อยู่ที่ไหนก๊าบบบบ? 

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

ลูกชาย : แม่ครับ ทำไมพี่ชายคนโตถึงชื่อตะวันละครับ?
แม่ : อ๋อ ตอนนั้นแม่กับพ่อมีอะไรกันที่ทุ่งทานตะวันก่อนจะท้องพี่ตะวันน่ะลูก...ลูกชาย : แล้วทำไมพี่คนรองถึงชื่อภูผาล่ะคับ?
แม่ : ก็ตอนนั้นก่อนจะท้องพี่ภูผา แม่กับพ่อไปมีอะไรกันที่หน้าผาน่ะลูก^^
ลูกชาย : อ๋อเข้าใจแล้วครับแม่
แม่ : ถุงแตกมีอะไรหรือป่าวลูกถึงถามแม่แบบนี้...
ลูกชาย : ป่าวครับ แม่ไม่มีอะไร...

ขอขึ้นค่าแรง

สาวใช้จึงกล้าเข้าไปหาคุณนายเพื่อขอปรับค่าจ้าง
สาวใช้ : คุณนายควรจะปรับค่าแรงให้หนูได้แล้วนะคะ
คุณนาย : ไหนแกบอกเหตุผลสัก 3 ข้อ มาให้ฟังหน่อยว่า ทำไมต้องปรับค่าแรงให้แก
สาวใช้ : ประการแรก หนูทำกับข้าวได้อร่อยกว่าคุณนายค่ะ 
คุณนาย : ใครบอก 
สาวใช้ : คุณผู้ชายค่ะ
คุณนาย: เออ
สาวใช้ : ประการที่สอง หนูรีดผ้าได้เรียบกว่าคุณนายค่ะ
คุณนาย : ฉันยอมรับ
สาวใช้ : ประการสุดท้าย เรื่องบนเตียงหนูดีกว่าคุณนาย
คุณนาย: ห๊าา..!! คุณผู้ชายบอกแกเหรอ
สาวใช้: คนขับรถค่ะ
คุณนาย: งั้นเงียบๆเลย เอาเงินไป

Simใหม่


ภรรยาได้รับ simเบอร์ใหม่จากที่ทำงาน 

เมื่อมาถึงบ้าน เห็นสามีนั่งดูทีวี จึงไปที่ห้องน้ำแล้วเปลี่ยน sim โทรหาสามีให้แปลกใจ

ภรรยา  "ฮัลโหล ที่รักของฉัน"
สามี(กระซิบ) "ครับ เดี๋ยวผมโทรกลับไปเบอร์นี้นะ อีแก่อยู่ในห้องน้ำ"

รอยสักน่าสงสัย

นักกีฬาพาสาวขึ้นห้อง เมื่อถอดเสื้อออก สาวเห็นที่แขนสักคำว่า Reebok จึงถามว่าคุณสักคำนั้นไว้ทำไมบนแขน ก็ได้คำตอบว่าเวลาแข่งขันจะมีกล้องมาจับที่รอยสักก็จะได้ค่าโฆษณา และเมื่อถอดกางเกงก็เห็นรอยสัก Puma ที่หน้าขา ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิม 
จนในที่สุดถอดกางเกงในปราการด่านสุดท้ายออก เธอก็เห็นรอยสัก AIDS อยู่บนไอ้จู๋ของเขา เธอสะดุ้งเฮือกรีบกระโดดลงจากเตียงแล้วตะโกนลั่น

"ชั้นไม่ยุ่งกับคนเป็นเอดส์เด็ดขาด"

นักกีฬา : "ใจเย็นๆจ้ะ...อีกเดี๋ยวรอมันยืดตัวก่่อน มันจะกลายเป็น ADIDAS

อย่าหาว่าฉันหยาบคาย

มารดาคนหนึ่งพูดกับลูกสะใภ้ตอนไปเยี่ยมหลานชายที่เพิ่งลืมตาดูโลก
"อย่าหาว่าฉันหยาบคายอะไรเลยนะ แต่เด็กคนนี้หน้าตาไม่เหมือนลูกชายฉันเลย"
ลูกสะใภ้จึงยกชายกระโปรงขึ้นเหนือเอว แล้วตอบว่า
"คุณแม่ก็อย่าหาว่าหนูทำกิริยาหยาบคายอะไรเช่นกันนะคะ เพราะนี่คือ อวัยวะเพศหญิง ไม่ใช่ เครื่องถ่ายเอกสาร ค่ะ"

ข้อคิดจากตัวอักษรภาษาอังกฤษ

ถ้าหากตัวอักษรภาษาอังกฤษ 26 ตัว
A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
ทั้งหมดนี้แปลงเป็นตัวเลข
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26

งั้น
Knowledge (ความรู้) K+N+O+W+L+E+D+G+E = 11+14+15+23+12+5+4+7+5=96%

Workhard (ทำงานหนัก) W+O+R+K+H+A+R+D =23+15+18+11+8+1+18+4=98%

งั้นก็แสดงว่าความรู้กับการทำงานหนักมีความสำคัญเท่ากับ 96% กับ 98% ต่อชีวิตแล้ว

LUCK (โชคดี) L+U+C+K =12+21+3+11=47%

LOVE (ความรัก) L+O+V+E =12+15+22+5=54%

ดูๆแล้วสิ่งที่เรานึกว่าเป็นสิ่งสำคัญ ก็ไม่ได้สำคัญตามอย่างที่เราคิดไว้นะ😯

แล้วอะไรละ ที่จะเป็น 100% ของชีวิตคนเรา??

มันคือ Money (เงินทอง) งั้นเหรอ?
M+O+N+E+Y =13+15+14+5+25=72%
ก็ไม่ใช่นะ😅

หรือว่าคือ Leadership (การเป็นผู้นำ) หรอ?
L+E+A+D+E+R+S+H+I+P=12+5+1+4+5+18+19+9+16=89%
ก็ยังไม่ใช่อีก

จริงๆแล้วสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราเต็มร้อยนั่นก็คือ
ATTITUDE (ทัศนคติ/ความคิด )
A+T+T+I+T+U+D+E = 1+20+20+9+20+21+4+5=100%

ก็มีความสุขแล้ว

แค่รู้จักคำว่า " พอดี " ก็มีความสุขแล้ว
เงินมาก   เงินน้อย   พอใช้     ก็พอ
ขี้เหร่       รูปงาม     ดูได้      ก็พอ
เเก่เฒ่า    เยาวัย      แข็งแรง ก็พอ
ยากดี      มีจน        คนดี     ก็พอ
สามี        กลับช้า    กลับมา  ก็พอ
ภรรยา     ขี้บ่น        ใส่ใจ    ก็พอ
เด็กน้อย   ดื้อซน      สอนได้  ก็พอ
บ้านเรือน  เล็กใหญ่   อยู่ได้    ก็พอ
แบรนด์เนม หรือไม่   ใช้ได้     ก็พอ
ปัญหา       หนักเบา  แก้ได้   ก็พอ
เกิดมา       ชาตินี้     มีดี      ก็พอ
จู๋เล็ก       จู๋ใหญ่     แค่แข็ง   ก็พอ

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องน้ำกับทิฐิ

   นานมาแล้วมีชายคนหนึ่งชื่อว่า ทิฐิ เขาเป็นคนที่มีนิสัยอวดดื้อถือดี ไม่ต่างจากชื่อ เพราะเมื่อได้ลองเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้ว ทิฐิคนนี้ก็จะยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นไม่เปลี่ยน และจะไม่ยอมรับฟังข้อคิดเห็นที่ผิดไปจากความเชื่อเดิมโดยเด็ดขาด แม้ว่านี่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนเอาจริงเอาจังและเคร่งครัดกับชีวิต แต่บางครั้งเขาก็ดื้อรั้นมากเกินไปจนขาดเหตุผล และทำให้สูญเสียสิ่งดีๆในชีวิตไปมากมาย โดยที่เขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน

     เนื่องจากทิฐิไม่ใช่คนร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย จนกระทั่งมีฐานะขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ทิฐิจึงคิดที่จะหยุดพักตัวเองจากการงาน แล้วเดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อเที่ยวชมโลกกว้าง

     เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ทิฐิจึงจัดการฝากบ้านไว้กับญาติพี่น้อง แล้วเก็บสัมภาระออกเดินทางทันที

     ทิฐิเดินทางไปยังที่ต่างๆ ชมนั่นแลนี่ และพูดคุยกับผู้คนที่อยู่ในที่เหล่านั้นมากมาย การท่องโลกกว้างของทิฐิน่าจะทำให้เขามีความรู้ดีๆ หรือเกิดทัศนคติใหม่ๆขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อไรก็ตามที่มีคนกล่าวคำซึ่งผิดไปจากความรู้หรือความเชื่อมั่นเดิมของเขา ทิฐิก็จะรีบกล่าวแก่คนๆนั้นทันทีว่า

     "นั่นไม่ถูกเลยนะ ที่จริงแล้วมันต้องเป็นดังที่ข้ารู้มาต่างหาก"

     สิ่งนี้เองทำให้การเดินทางไปทั่วโลกของเขา แทบจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดขึ้นในชีวิตของเขาเลย

     จนกระทั่งวันหนึ่งทิฐิได้พลัดหลงเข้าไปในดินแดนแห่งทะเลทรายอันแสนแห้งแล้ง และไร้ผู้คนสัญจร เขาหลงทางอยู่ในดินแดนแห่งนั้นสามวันสามคืน จนกระทั่งอาหารและน้ำดื่มร่อยหรอและหมดลงในที่สุด ทิฐิจึงเดินต่อไปไม่ไหว เขาล้มลงนอนบนผืนทรายอย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง

     แต่ทิฐิยังไม่อยากตายตอนนี้ ดังนั้นแม้ร่างกายจะอ่อนระโหยโรยแรงขนาดไหน แต่เขาก็รวบรวมพลังใจของตนเผ้ากล่าวคำภาวนาขอความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือเขาด้วย

     "ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดเมตตาข้า ผู้ซึ่งไม่เคยเบียดเบียนใคร ขอทรงประทานน้ำมาให้ข้าได้รักษาชีวิตของตนเองไว้ แม้เพียงหนึ่งหยดก็ยังดี"

     แล้วในตอนนั้นเอง ทิฐิก็เห็นชายแปลกหน้าชาวเยอรมันคนหนึ่งเดินตรงมาหาเขา ทิฐิดีใจสุดจะกล่าว แล้วรีบพูดขึ้นทันทีว่า

     "โอ...ท่านผู้เป็นความหวังของข้า โปรดแบ่งน้ำของท่านให้ข้าดื่มด้วยเถิด"

     ชายคนนั้นยื่นถุงหนังสีน้ำตาลในมือของให้แก่ทิฐิ แล้วกล่าวว่า

     "นี่คือ วาสซ่าร์ จงดื่มเสียสิ"

     แต่ทิฐิไม่อยากได้วาสซ่าร์ เขาอยากได้น้ำ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธที่จะรับถุงหนังสีน้ำตาบจากชายแปลกหน้าคนนั้น ชายคนนั้นจังเดินจากไป

     ทิฐิภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง คราวนี้มีชายชาวจีนคนหนึ่งเดินถือถุงหนังสีแดงเข้ามายื่นให้แก่ทิฐิ

     "นี่คือ น้ำ ใช่หรือไม่" ทิฐิถามชายชาวจีน

     "นี่คือ ซือจุ้ย จงดื่มเสียสิ" ชายชาวจีนตอบ

      ทิฐิรู้สึกไม่พอใจ ตอนนี้เขากระหายน้ำมากเหลือเกินแล้ว แต่ทำไมชายผู้นี้จึงนำซือจุ้ย มามอบให้แก่เขาเล่า ทิฐิจึงปฏิเสธถุงหนังสีแดงของชายชาวจีน ชายชาวจีนจึงเดินจากไป

     ทิฐิเริ่มภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก และครั้งนี้มีผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่งมาปรากฏกายตรงหน้าของเจาในแทบจะทันที

     "เธอผู้มีใจเมตตา ขอน้ำให้ข้าดื่มหน่อยเถิด" ทิฐิพึมพำคำอ้อนวอนออกจากริมฝีปากที่แห้งผาก

     "นี่คือ ปานี จงดื่มเสียสิ" หญิงชาวอินเดียกล่าวพร้อมกับยื่นถุงหนังสีเขียวให้กับทิฐิ แต่นั่นทำให้ทิฐิโกรธมาก เขารวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ยกแขนปัดถุงหนังสีเขียวให้พ้นหน้า แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า

     "ข้าไม่เอาของๆเจ้า ข้าจะตายเพราะขาดน้ำอยู่แล้ว ข้าต้องการน้ำเท่านั้น!"

     หญิงอินเดียเมื่อได้ฟังดังนั้นก็เดินจากไปอีกคน ทิฐิเฝ้าอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีใครนำอะไรมายื่นให้เขาอีกแล้ว

     จิตของทิฐิกำลังหลุดลอยออกจากร่างที่ใกล้แตกดับ แล้วในตอนนั้นเอง เสียงๆหนนึ่งก็ดังแว่วๆให้ได้ยินว่า

     "ทิฐิคนถือดีเอ๋ย เราช่วยเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เคยให้โอกาสตนเองเลย หากเจ้าเปิดใจให้กว้าง และยอมรับในข้อดีของสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเสียบ้าง เจ้าก็คงรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในถุงหนังทั้งสามนั้น ต่างก็เป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ทั้งสิ้น"

       เมื่อสิ้นเสียงแว่วนั้น ทิฐิคนถือดีก็สิ้นลมหายใจทันทีเธอทั้งหลาย...

       เรื่องราวของทิฐินั้น สอนให้เราเปิดตาตนเองให้กว้าง แล้วมองสิ่งต่างๆรอบตัวด้วยสายตาและหัวใจที่ไร้อคติ หากเธอปิดกั้นหัวใจและสายตาของเธอไว้ เธอก็อาจพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งบางครั้งสิ่งดีๆ เหล่านั้นก็อาจจะไม่หวนกลับมาหาเธออีกแล้ว

     หรืออีกนัยหนึ่ง นิทานเรื่องนี้กำลังบอกเธอทุกคนซึ่งนับถือศาสนาต่างกัน แต่กำลังยืนอยู่บนโลกใบเดียวกัน จงอย่าลืมว่า ศาสนาทุกศาสนานั้นถือกำเนิดขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะให้มีคนดีๆ อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก แม้คำสอนบางประการจะแตกต่างกัน แม้เสียงสวดมนต์จะเป็นคนละเสียง และธรรมเนียมปฏิบัติก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย แต่เธอทุกคนล้วนได้รับการปลูกฝังให้เติบโตเป็นคนดีเหมือนกัน

       ดังนั้นขอให้เธอเปิดใจตัวเองให้กว้าง และเคารพในคำสอนของศาสนาอื่นๆ แม้เธอจะไม่ได้เป็นศาสนิกชนของศาสนานั้น เธออาจจะนำคำสอนชองเขามาประยุกต์ใช้กับตัวเองบ้าง ถ้าพบว่ามันเข้ากันได้ดีกับการดำเนินชีวิตของเธอ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน หากเธอจะนำคำสอนเหล่านั้นมาปฏิบัติ ในเมื่อทุกศาสนาล้วนหมายมั่นที่จะพิชิตยอดเขาเดียวกัน นั่นคือ "ยอดเขาแห่งความดี ความรัก และความเมตตา"

ที่มา หนังสือนิทานสีขาว

โดย ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องกระต่ายกะเต่า ฉบับ MBA

กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่ง ก็มีการกำหนดเส้นทางวิ่งแล้วก็เริ่มการแข่งขัน เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึงก่อนแข่งต่อก็คงดี ไปๆมาๆก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว

นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆแต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้(เหมือนกัน)

เจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็รมณ์บ่จอยตามระเบียบที่แพ้ มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเอง มันก็พบว่าความมั่นใจในตัวเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจ ของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้ ถ้ามันไม่เผลอหลับซะอย่าง เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้
มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้ง

เฮ้ย..เมื่อกี๊ฟลุ้คอ๊ะป่าว แน่จริง..ใหม่เด่ะ

เจ้าเต่าก็ตกลง ย่อมได้ไอ้น้อง

แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอย เราได้ข้อคิดอะไรล่ะ... ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอ

ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนในองค์กรของเรา คนนึงช้าจริง ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไรๆไม่เคยพลาด ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขา เทียบกับอีกคนนึงที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ คนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นๆมากกว่า (ซิกแซกไม่เป็น อะไรลัดได้ เร็วได้ก็ไม่กล้าเสี่ยงไม่กล้าทำ ผลงานก็เลยน้อยมั้ง) ไอ้ช้าแต่ชัวร์น่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและพอใช้ได้นี่ดีกว่า....

เรื่องยังไม่จบแค่นี้ คราวนี้ถึงทีเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันก็พบว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะชนะกระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้ มันก็คิดอยู่ซักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่ แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งซะหน่อย เจ้ากระต่ายก็ว่าย่อมได้อยู่แล้วเพ่ พอการแข่งเริ่มปุ๊บ เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้อออกไปเต็มสปีดเลย จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง “เฮ้ย!!!..เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงล่ะตู...” เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เลย เจ้ากระต่ายมัวแต่เง็งว่าจะทำไงดี จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.... พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้ ตนเองได้เปรียบมากที่สุด ย๊างงง ยังไม่พอ

มีต่อ.... ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกัน การแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น ดังนั้น พวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำแล้วเจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน ผลการแข่งครั้งนี้ สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย(ตัว)มากกว่า การแข่งครั้งก่อนๆหน้านี้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.... การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊ง ในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์ ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้นๆเป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วง สถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา

นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่าย ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความความล้มเหลวได้เกิดขึ้น กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยการทำงานที่หนักขึ้น และเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่ เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้วในชีวิต เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม บางครั้งก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างออกไป และในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคล แล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้นมาก

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องความรักติดเกาะ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกัน
ความสุข ความเศร้า ความรู้ และอื่นๆ รวมทั้งความรัก

วันหนึ่งมีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่าเกาะกำลังจะจม
ดังนั้น ทั้งหมดจึงได้เตรียมเรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ
ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะความรักต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย

เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้ว ความรักจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือ…
ความรวยแล่นเรือผ่าน ความรวยตอบว่า

"ไม่ได้หรอก. ฉันรับเธอไม่ได้หรอกเพราะเรือฉันน่ะเต็มไปด้วยทองและเงินแล้ว มันไม่มีที่ให้คุณ "

ความรักตัดสินใจจะถามความเห็นแก่ตัวซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วย
"ความเห็นแก่ตัวช่วยฉันด้วย "
"ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอกความรัก คุณน่ะทั้งเปียกอาจจะทำให้เรือฉันเปียกด้วย"

ความเศร้าได้พายเรือใกล้เข้ามาความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก
"ความเศร้าอนุญาตให้ฉันขึ้นเรือคุณนะ "
"โอ้ความรักฉันกำลังเศร้ามากเลยฉันต้องการอยู่คนเดียวขอโทษนะ"

ความสุขได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน
แต่เขาไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือของความรักเพราะมัวแต่กำลังสุข ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

"มานี่ความรักฉันจะรับคุณไปเอง "

เสียงนั้นเป็นของคนแก่คนหนึ่ง
ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมาก
จนลืมถามชื่อว่าใครคือผู้ใจดีผู้นั้น

เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง คนแก่ก็จากไปตามทางของเขา
ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายแก่คนนั้น
ความรักจึงถามความรู้และคนแก่คนอื่น ๆ ….
"ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน "

ความรู้ตอบอย่างภาคภูมใจในความรอบรู้ของตนเองว่า " เวลา "

ความรักถามต่อว่า
"แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันละ "
ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตัวเองแล้วตอบความรักว่า
"ก็เพราะว่าเพียงเวลาเท่านั้นที่เข้าใจว่า.....ความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน..."

แต่ว่า...มีสิ่งหนึ่งที่เราอาจลืมเลือนไป ถ้าหากจะไม่กล่าวถึงเสียเลย
ขณะที่ความรักกำลังมองหาคนช่วยออกจากเกาะ
ความรักคงยุ่งอยู่กับการมองหาผู้อื่น..
จนลืมมองมาที่ความเป็นเพื่อน...
ซึ่งเลือกที่จะอยู่เคียงข้างความรักตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะความเคยชินจึงทำให้ความรักมองไม่เห็นความสำคัญของความเป็นเพื่อน...

ในขณะที่ความรักจากไปพร้อมกับเวลา
ความเป็นเพื่อนรู้สึกดีใจมากที่ความรักปลอดภัยและแม้จะต้องห่างกัน

แต่ความเป็นเพื่อนกลับรู้สึกเป็นสุขเพราะความเป็นเพื่อนรู้ดีว่า..
ถึงแม้เกาะนี้จะจมลงไปชั่วนิรันดร์

แต่...ความเป็นเพื่อนจะยังเป็นอมตะในใจของความรักตลอดไป
แม้จะไม่ยิ่งใหญ่.....แต่จะคงอยู่เคียงข้างความรักเสมอ

ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่จากไปเหมือนกาลเวลา
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่รังเกียจกันเหมือนความเห็นแก่ตัว
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่แบ่งชั้นกันเหมือนความรวย
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่อ้างว้างเหมือนความเศร้า
และความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนความสุข

ทั้งนี้ก็เพราะ... " ความเป็นเพื่อนจะอยู่ในใจตลอดไป "

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แผ่นซีดีทำนายอนาตต


วันหนึ่งมีชายหญิงคู่หนึ่งพึ่งรักกัน ทั้งคู่รักกันมาก
ผู้ชายให้สัญญากับผู้หญิงว่า ผมจะรักคุณตลอดไป
ผู้หญิงจึงบอกกลับว่า ฉันเชื่อคุณ และจะรักคุณอย่างที่รักฉันให้ดีที่สุด
ทั้ง 2 คบกันไปชั่วในระยะเวลาหนึ่ง
ในระหว่างที่ 2 คนได้เดินจับมือกันอยู่ในสวนสาธารณะนั้น
ได้มี นางฟ้าตนหนึ่ง ปรากฎกายลงมา พร้อมกับบอกว่า
"ท่านทั้ง 2 มีความรัก บริสุทธิ์ต่อกัน เราอยากจะให้ท่าน ได้เห็นอนาคตของท่านทั้ง 2"
ชายหญิงคู่นั้น จับมือกันไว้แน่นและรู้สึกดีใจที่ความรักของเค้าและเธอ
ถึงขนาดนางฟ้ามาให้พร
นางฟ้าจึงพูดขึ้นว่า "ท่านจะดูอนาคตของท่านทั้ง 2 นับตั้งแต่นี้หรือไม่"
ชายและหญิงคู่รักมองตากัน แล้วตอบพร้อมกันว่า
"เราทั้ง 2 ไม่กลัวอนาคตเรามั่นใจในกันและกัน"
นางฟ้าได้ยินดังนั้น จึงเสก ของออกมาเป็นซีดี 2 แผ่นให้ทั้งคู่ไปดูอนาคต

ที่บ้านของหญิงสาว หญิงสาวค่อยๆ ควักแผ่นซีดีที่ได้จากนางฟ้า ใส่ลงในเครื่องเล่นซีดี
ในภาพเห็น ในภาพแรกเธอและแฟนของเธอแต่งงานกัน เธอยิ้มแก้มปริมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ในภาพหลังๆ หญิงสาวได้เห็นว่า มีรูปของแฟนเธอคบชู้ เธอนั่งร้องไห้ เสียใจ
ทันใดนั้น มีเสียงประตูเคาะขึ้นที่ห้องของเธอ เธอรีบปิดเครื่องวีซีดี และซับน้ำตา รีบไปเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นแฟนของเธอเอง
แฟนเธอยิ้ม แต่เธอโมโหจึงตบหน้าเค้าอย่างแรง
และปิดประตูโดยที่ฝ่ายชายงง ๆ เธอนอนร้องไห้ถึงอนาคตที่จะต้องเกิดเช่นในวีซีดีนั้น

หลังจากนั้น เธอพยายามหนีหน้าชายคนรักของเธอ โดยที่ผู้ชายก็ตามง้อยกใหญ่โดยผู้ชายไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร เธอพยายามหาทางเลิกกับผู้ชาย จนสำเร็จ

จนวันหนึ่ง ได้มีเสียงเคาะประตู เธอเปิดประตู แต่ทันใดนั้นคนที่เคาะประตูก็หันหลังจนลับตาไปเสียแล้ว เธอจำได้ดีถึงแผ่นหลังของอดีตชายที่ตัวเองรัก เธอมองลงพื้น พบซีดีอีกแผ่นหนึ่งของที่นางฟ้าได้ให้ผู้ชาย.....

เธอนำซีดีแผ่นนี้ไปเปิดอีกครั้ง พบภาพ ที่เหมือนกันคือภาพที่ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างมีความสุข แต่ภาพหลังจาก แต่งงานคือ ภาพที่เธอมีชู้กับผู้ชายคนใหม่ โดยมีแฟนของเธอร้องไห้อยู่ข้างๆ .......

เธอน้ำตาไหลและปิดวีดิโออย่างช้าๆ .... เธอค่อยๆ เปิดจดหมายที่แนบมากับซีดีนี้อ่าน

ข้อความเขียนว่า "ผมไม่กลัวอนาคตเรามั่นใจในกันและกัน ขอบคุณแม้ผมจะเชื่อในคุณฝ่ายเดียวก็ตาม ลาก่อน"


คำว่าเชื่อใจเท่านั้น ที่ทำให้ คนทั้ง 2 คน คบกันอย่างมีความสุข
แล้วคุณละเชื่อใจคนรักของคุณมากแค่ไหน ?

สอบตกอีกแล้วหรอ

พ่อ : สอบตกอีกแล้วหรอวะ ?
ลูก : ก้อข้อสอบมันยากนี่พ่อ .
พ่อ : ถ้าสอบตกคราวหน้า ไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ .
ลูก : คับๆ
หลังสอบ
พ่อ : เปนไงบ้างลูก ?!
ลูก : ใครลูกมึง !!
พ่อ : ............

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลูกรักใคร แม่ก็รักด้วย

แม่ : ลูกรักใคร แม่ก็รักด้วย
ลูก : จริงเหรอคับ 
แม่ : จริงสิลูก
ลูก : งั้นถ้าผมรักแม่มากๆ แม่ก็ต้องรักตัวเองให้มากๆๆๆน่ะคับ

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องเทวดากับคนตัดไม้

เทวดากับคนตัดไม้

บ่ายวันหนึ่งระหว่างคนตัดไม้กำลังตัดไม้อยู่ริมน้ำนั้นขวานคู่มือก็หลุดมือจมลงน้ำไป
คนตัดไม้ก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ริมน้ำ
ทันใดนั้นเองเทวดาก็ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วถามว่า
"มีปัญหาอะไรรึ"
"ขวานผมตกลงไปในน้ำแล้ว และตรงนี้น้ำลึกมาก ต่อไปผมจะเอาอะไรไปตัดไม้หาเลี้ยงลูกเมียได้หละท่าน"
เทวดาได้ยินดังนั้นก็ดำน้ำลงไปสักพักแล้วขึ้นมาพร้อมกับขวานทองคำ
"เอ้าขวานนี้ใช่ขวานของเจ้าใช่รึไม่?"เทวดาถามคนตัดไม้
"ไม่ใช่ครับ"

เทวดาก็ดำน้ำลงไปอีกครั้งกลับขึ้นมากับขวานเงิน
"เอ้าแล้วขวานนี้หละใช่ของเจ้ารึไม่?"
"ไม่ใช่ครับขวานของผมทำจากเหล็กมีด้ามไม้เก่าๆ ไม่ใช่ขวานเงิน ขวานทอง"
เทวดาจึงดำลงน้ำไปอีกครั้งแล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับขวานเหล็กคู่มือคนตัดไม้
"เอ้าขวานของเจ้า แต่เราเห็นเจ้าเป็นคนดีซื่อสัตย์ไม่โกหก เราจะให้ขวานเงิน กับขวานทองคำแก่เจ้าไปด้วย เพื่อตอบแทนในการที่เจ้าเป็นคนดี"
คนตัดไม้จึงรับขวานไว้แล้วกลับบ้านด้วยความสุข
หนึ่งเดือนต่อมา ระหว่างที่คนตัดไม้กำลังเดินเล่นอยู่ริมน้ำพร้อมกับภรรยาของเขาอยู่นั้น

ภรรยาก็ลืนตกน้ำไป คนตัดไม้ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้ริมน้ำ
ทันใดนั้นเทวดาองค์เดิมก็ปรากฏกายออกมาอีกครั้ง
"เอ้าคราวนี้เจ้ามีปัญหาอะไรรึ"
"ภรรยาผมลื่นตกน้ำไปเมื่อกี้นี้ครับ"
ได้ยินดังนั้นเทวดาจึงดำน้ำลงไป และขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนกันกับเจนิเฟอร์ โลเปซ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ผู้หญิงคนนี้ใช่ภรรยาเจ้ารึไม่?"
"ใช่แล้วครับ" คนตัดไม้ตอบทันที

เทวดาจึงโกรธมาก เพราะเห็นว่าคนตัดไม้โกหก และไม่ซื่อสัตย์เหมือนก่อน
"ขออภัยด้วยครับท่านเทวดา มันเป็นการเข้าใจผิดครับ"คนตัดไม้รีบชี้แจงทันใด
"ถ้าเกิดผมตอบว่าไม่ใช่ ผมเดาว่าท่านก็คงจะลงไปในน้ำอีกครั้ง แล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงที่เหมือนกับ แคทธลีน ซีต้าโจนส์
และเมื่อผมปฏิเสธอีกท่าก็คงจำดำลงไปอีกครั้งแล้วนำภรรยาผมตัวจริงขึ้นมา สุดท้ายท่านก็คงจะให้ผู้หญิงอีก 2 คนผมด้วย
เพื่อตอบแทนที่ผมไม่โกหก แต่ว่า....ผมเป็นแค่คนตัดไม้จะมีปัญญาอะไรไปหาเงินเลี้ยงเมียพร้อมกัน 3คนได้หละครับ ผมจึงจำเป็นต้องตอบว่าใช่ตั้งแต่แรก"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อใดที่ผู้ชายโกหก แสดงว่าชายผู้นั้นจะต้องมีเหตุผลจำเป็นในการโกหก และมีเจตนาดีอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่นคนตัดไม้รายนี้

ห้องเรียนภาษาต่างประเทศ

ห้องเรียนภาษาต่างประเทศ

ครู : นักเรียนคนไหนพูดภาษายุโรปได้บ้าง
นร : โอ๊ยยย สบายผมเคยเรียนมาหลายภาษาเลย!!!
ครู: ไหนลองสักภาษาซิ
นร: ถูก!! ผิด!! ถูก!! ถูก!! ผิด!! ผิด!! ถูก!!
ครู: เดี๋ยวๆ ภาษาอะไรของเธอ?
นร: ภาษาเช็คครับ !!!
ครู: ได้ภาษาอื่นอีกมั้ย?
นร: เปิด!! ปิด!! เปิด!! ปิด!! เปิด!! ปิด!!
ครู: อันนี้ภาษาอะไร
นร: ภาษาสวิสครับ !!!
ครู: ดีมากมารับไปเต็มๆเลยนักเรียน
นร: คะแนนเหรอครับ?
ครู: ตีนครูนี่ละ !!!

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องเหรียญของพ่อ

คุณพ่อเรียกลูกเข้าไปพบแล้วบอกลูกว่าพ่อมีอะไรให้ดู สำคัญมากนะแล้วคุณพ่อก็หยิบอะไรสักอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อเอามือกำไว้ถามว่าอยากรู้มั้ยว่ามีอะไรในมือพ่อ

ลูกพยักหน้าถ้าอยากรู้ต้องเอามือเขกพื้น 3 ทีลูกทำตามคุณพ่อว่า ไม่พอ ต้อง 5 ที และเปลี่ยนเป็น 10 ที จนถึง 15 ที ก็ลูกอยากทราบนี่คะว่าเป็นอะไรเมื่อคุณพ่อแบมือออก

มันคือเหรียญ 5 บาท ธรรมดานี่เอง คุณพ่อหัวเราะแล้วกำมือกับเหรียญ 5 บาทเดิมถามว่า อยากดูมั้ย เขกพื้น 10 ที ลูกรู้แล้วไม่อยากดูค่ะ

คุณพ่อว่า เอ้าเขกพื้น 1 ทีก็ได้ ลูกก็บอกว่าลูกรู้แล้ว ไม่อยากดูอีกเบื่อค่ะ คุณพ่อว่าให้ดูฟรีๆก็ได้ลูกก็ดูไปอย่างนั้นเอง

คุณพ่อเลยบอกว่า" นี่ละลูกอะไรที่เป็นความลับคนมักยอมทำทุกอย่างที่จะได้สมปราถนาอยากดูอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อสมปราถนาแล้ว ดูบ่อยๆแล้ว ก็มักจะเบื่อ ให้ดูฟรีๆยังไม่อยากดูเลยแล้วสิ่งที่พึงหวงสำหรับสตรีเป็นสิ่งมีค่า ถ้าให้ใครรู้ก่อนเวลาอันควร ก็จะไม่มีค่าอะไรไม่ต่างกับเหรียญ 5 บาทที่พ่อให้ลูกดูฟรีหรอก "