วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องแกงจืดเต้า

นิทานก่อนนอนเรื่องแกงจืดเต้า

ชาวนาจีนแก่ ๆ คนหนึ่งเดินไปตามถนน บนบ่ามีมีไม้พาดอยู่
และที่ปลายไม้นั้นก็มีหม้อดินใส่แกงจืดเต้าหู้ผูกห้อยไว้

ขณะที่เดินไปเขาเกิดสะดุดก้อนหินและหม้อดินก็หล่นลงกระทบพื้นแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งมาหา แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า 'นี่ ๆ พ่อเฒ่า ท่านไม่รู้หรือว่าหม้อดินหล่น'

ชายชราหันไปตอบว่า 'ฉันรู้ ฉันได้ยินเสียงมันหล่นอยู่'

ผู้อ่อนอาวุโสมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
'อ้าว แล้วทำไมท่านไม่ย้อนกลับไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ'

สีหน้าของผู้เฒ่ายังเป็นปกติขณะที่ตอบชายหนุ่มด้วยคำพูดที่หนักแน่นชัดเจนว่า
'ก็หม้อดินมันแตกแล้ว แกงจืดก็ไม่เหลือ แล้วจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ'

พูดจบชายชราผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

วันวานนี้สิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ทุก ๆ วันคือจุดเริ่มต้นใหม่
เรียนทักษะของการลืมอดีต แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องอาแป่ะขายไข่ไก่

นิทานก่อนนอนเรื่องอาแป่ะขายไข่ไก่

มีอาแป่ะคนนึง มีแผงขายไข่ไก่ฟองละ 2 บาทมานาน มีลูกค้าประจำมากมาย เพราะแกขายอยู่แผงเดียว อยู่มาวันนึง .. มีอาหมวยคนนึงเห็นว่าอาแป่ะขายไข่ไก่รายได้ดี จึงคิดขายบ้าง อาหมวยตั้งแผงขายไข่ไก่ฝั่งตรงข้ามอาแป่ะ โดยตั้งราคาขายฟองละ 1 บาทเพื่อตัดราคา

เป็นดังคาด !! ลูกค้าแผงอาแป่ะหลั่งไหลมาซื้อไข่ไก่แผงอาหมวยล้นหลาม อาแป่ะเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป จึงลดราคาขายลงเหลือ 1 บาทเท่าอาหมวย

สมใจอาแป่ะ !! ลูกค้าแผงอาหมวยเริ่มหันมาซื้ออาแป่ะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากถึงแม้ราคาจะเท่ากัน แต่เชื่อถือคุณภาพไช่ไก่ที่อาแป่ะขายมานาน อาหมวยเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจลดราคาไข่ไก่ ตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ให้อาแป่ะลดราคาแข่งได้เลย จึงตัดสินใจลดราคาจาก 1 บาทเหลือ 25 สตางค์ !!!!!

ลูกค้าจากแผงอาแป่ะและหลายๆ ที่แห่มาซื้อไข่ไก่อาหมวยกันหนาตา อาหมวยรู้สึกกระหยิ่มในใจยิ่งนักแล้วคิดตามว่า ดูซิ !! อาแป่ะจะลดราคาสู้ไปอีกได้ไหม

จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่านานเป็นเดือน อาแป่ะยังคงขายไข่ไก่ฟองละ 1 บาทอยู่เรื่อยๆ มีลูกค้าบ้างประปรายแต่เรื่อยๆ ฝั่งแผงอาหมวยเริ่มรู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว .. ฟองละ 25 สตางค์แทบไม่เห็นกำไร แต่ก็เกิดความประหลาดใจยิ่งนักว่าทำไมอาแป่ะจึงยังขายฟองละ 1 บาท ทำไมไม่แข่งลดราคากันอีก แล้วอยู่ได้ยังไงในเมื่อลูกค้ามาอยู่ที่แผงอาหมวยหมด วันนึงอาหมวยทนไม่ไหว เดินไปถามอาแป่ะด้วยสีหน้าฉงนว่า

อาหมวย : อาแป่ะ !! ลื้อทำไมไม่ลดราคาแข่งกับอัวอีกหล่ะ ในเมื่อเราแข่งกันมาตลอดมาแข่งกันต่อสิแล้วลื้อยู่ได้ยังไงขายฟองละ 1 บาท

อาแป่ะ : ชำเลืองมองอาหมวยเล็กน้อยแล้วพูดว่า "อั๊วอยู่ได้สิ ก็อั๊วซื้อไข่ไก่ลื้มาขายไง"

อาหมวย : ??????

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องคนตัดไม้กับเจ้าของร้านขายฟืน

นิทานก่อนนอนเรื่องคนตัดไม้กับเจ้าของร้านขายฟืน
คนตัดไม้คนหนึ่งนำฟืนไปขายให้แก่ร้านขายฟืน ซึ่งร้านขายฟืนก็ปฏิบัติต่อคนตัดไม้ดีมาก ดังนั้นคนตัดไม้จึงคิดอยากตอบแทนโดยการจะตัดไม้ให้ได้เป็นจำนวนมากๆ

วันแรก คนตัดไม้ตัดไม้ได้ 20 ต้นแล้วนำมาให้ร้านขายฟืน ซึ่งร้านขายฟืนก็ชมเชยและปฏิบัติต่อคนตัดไม้อย่างดี

วันที่ 2 คนตัดไม้ก็ตั้งใจจะตัดให้ได้มากขึ้น แต่ปรากฏว่ากลับตัดได้เพียง 18 ต้น

วันที่ 3 ก็กะว่าจะตัดให้ได้มากยิ่งขึ้น แต่ก็กลับเหลือ 16 ต้น

ยิ่งนับวันผ่านไปก็ตัดได้น้อยลงเรื่อยๆ ในที่สุด คนตัดไม้ก็รู้สึกละอายใจจึงไปกล่าวคำขอโทษกับร้านขายฟืน แต่เจ้าของร้านขายฟืนก็กลับถามคนตัดไม้ว่า

"คุณลับขวานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"

คนตัดไม้ตอบว่า "ผมไม่มีเวลาหยุดลับขวานเลย ขนาดไม่หยุดยังตัดไม้ได้น้อยขนาดนี้"

เจ้าของร้านจึงบอกแก่คนตัดไม้ว่า

"คุณลองคิดดูสิว่าหากคุณหยุดลับขวานให้คมโดยเสียเวลาเพียงเล็กน้อย คุณอาจตัดไม้ได้มากกว่านี้ก็ได้"

ถ้าคุณก้มหน้าก้มตาทำโดยไม่หยุดพักหยุดคิด ก็เปรียบได้กับคนตัดไม้ คุณก็จะล้าลงไปเรื่อย

พยากรณ์อากาศวันนี้


พยากรณ์อากาศวันนี้
มีความรักปกคลุมไปทั่ว และไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนตัวลง
ในขณะที่ยังมีการพัด นำความคิดถึงจากหัวใจ.....เข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
ลักษณะเช่นนี้..
หากไม่มีการติดต่อกลับ...ภายใน24 ชั่วโมง
...อาจมีผลทำให้เกิดลมกระโชกแรง
..และจะมีการคิดถึงมากขึ้นในระยะ 2-3 วันนี้
         จิง..จิงนะ(catface)

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เรื่องของ...“ อูฐ ปลา หมา ควาย ”

เรื่องของ...“ อูฐ ปลา หมา ควาย ”

ศิลปะการครองตัวแบบสัตว์สี่ชนิด “ อดทนเหมือนอูฐ ไม่พูดเหมือนปลา ซื่อสัตย์เหมือนหมา โง่เหมือนควาย ” หากนำลักษณะเด่นของสัตว์สี่ชนิดดังกล่าว มาเทียบเป็นชีวิตคนทำงานแล้ว ชีวิตคนทำงานก็คงดีเช่นกัน...

จงเป็นอูฐ*** หมายถึง ในการทำงานต้องรู้จักใช้ ความอดทน อดกลั้น เพื่อให้ได้งานที่ดีมีคุณภาพ

จงเป็นปลา*** หมายถึง ในการติดต่อประสานงานกับผู้อื่น ในบางครั้งเราต้องรู้จักการนิ่งๆ ไม่พูดเสียบ้าง คิดอะไรก็พูดหมด ฟังแล้วดูเหมือนคิดอะไรในใจไม่เป็น หรือเป็นการบ่นมากกว่า รวมถึงการไม่นำเอาเรื่องในที่ทำงานไปเม้าท์ในคนภายนอกฟัง

จงเป็นหมา*** หมายถึง เราต้องซื่อสัตย์สุจริตต่อกันและกัน ตลอดจนปกป้องภัยให้แก่กันและกัน เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง

จงเป็นควาย*** หมายถึง บางครั้งเราต้องทำโง่บ้าง หัดฟังอีกฝ่ายหนึ่งทั้งที่รู้แล้ว ก็ปล่อยๆ เขาบ้าง ถือเป็นการไม่ปั่นทอนกำลังใจของเพื่อนร่วมงาน เปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสองออกเสียบ้าง ไม่ใช่ทำตัวเองเป็นดาวเด่นเพียงผู้เดียว

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความสำเร็จสูงสุดของคนๆหนึ่ง

ความสำเร็จสูงสุดของคนๆหนึ่ง

เมื่อแรกเกิด ความ สำเร็จสูงสุดคือ สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง 

เมื่ออายุได้ 1 ขวบ ความสำเร็จสูงสุดคือ สามารถจำคนในบ้านได้ทุกคน 

เมื่ออายุได้ 2 ขวบ ความสำเร็จสูงสุดคือ สามารถเดินได้ 

เมื่ออายุได้ 4 ขวบ ความสำเร็จสูงสุดคือ ไม่ฉี่รดที่นอน 

เมื่ออายุได้ 15 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ มีเพื่อนฝูงมากมาย 

เมื่ออายุได้ 20 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ เรื่องบนเตียง 

เมื่ออายุได้ 30 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ มีความมั่นคงในชีวิต 

เมื่ออายุได้ 50 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ เรื่องบนเตียง 

เมื่ออายุได้ 60 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ มีเพื่อนฝูงมากมาย 

เมื่ออายุได้ 65 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ ไม่ฉี่รดที่นอน 

เมื่ออายุได้ 70 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ สามารถเดินได้ 

เมื่ออายุได้ 75 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ สามารถจำคนในบ้านได้ทุกคน 

เมื่ออายุไ ด้ 80 ปี ความสำเร็จสูงสุดคือ สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง 

คุณว่า... จริงไหม !!! 

ไม่มีชัยชนะใดๆ ในโลกนี้ จะยิ่งใหญ่เท่า.....ชัยชนะที่มีต่อใจของเราเอง 

และ..จะหามีผู้ยิ่งใหญ่ใด ๆ ในโลก...จะ ใหญ่ ไปกว่า "โลง" .. ไม่มี

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิทานก่อนนอนเรื่องขาวกับดำ

นิทานก่อนนอนเรื่องขาวกับดำ

เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา เป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว

เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้สินข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ข้า จะยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้"
ชาวนาไม่ตกลง

เศรษฐีบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาจากสวนกรวดใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"

ชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ
เธอจะทำอย่างไร?


หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้าและยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็จะยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน

เราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มองปัญหาแบบขาวกับดำ แต่ไม่ใช่ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้อย่างขาวกับดำเสมอไป

ในทางตรงข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบว่าหนทางการแก้ปัญหามีมากกว่าหนึ่งสายเสมอ
และการยืดหยุ่นพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่ง บางครั้งในการแก้ปัญหา เราอาจต้องสร้างเครื่องมือในการแก้ปัญหาขึ้นมาใหม่


ในยุคสงครามเย็นที่กินเวลานานหลายสิบปี สูญเสียชีวิตและทรัพยากรโลกมหาศาล ไม่มีใครกล้าเชื่อว่า สงครามเย็นสามารถยุติลงได้ หรือเร็วเช่นนี้
ในยุคของ มิคาอิล กอร์บาชอฟ กอร์บาชอฟ กล่าวว่า "เป็นเรื่องเขลาที่คิดว่า ปัญหาที่รุมเร้ามนุษยชาติในวันนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เคยใช้ได้ผลในอดีต"
หากเขาไม่ได้คิดเช่นนี้ บางทีวันนี้สังคมนิยมโซเวียตยังไม่เปิดประเทศและสันติภาพระหว่างฝ่ายขาว-ฝ่ายแดงคงล้าหลังไปอีกหลายป โลกไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวกับดำ

ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและขาวของสวนกรว


เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้ ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูสีกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร"

ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ "ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "หากเราพยายามมากพอที่จะแก้ไขปัญหา เราจะพบว่าทุกปัญหาย่อมมีวิถีทางแก้ไขเสมอ"

เรื่องน่าคิดกับการทำงาน ชุดที่ 1

มีคนบอกว่าถ้าจะทำงานสำเร็จต้องอ่อนน้อมเหมือนไทย, ตรงเวลาแบบฝรั่ง, ขยันเหมือนคนจีน, ทำงานเป็นทีมแบบญี่ปุ่น

มืออาชีพ คือ มือสมัครเล่นที่ไม่ยอมเลิกเล่น 

หัวหน้าเคยสอนไว้ว่า เวลาจะตำหนิคนทำผิดให้ตำหนิเบาๆ ให้รู้กันแค่สองคน แต่เวลาจะชื่นชมคนทำดี ให้ชมดังๆ ให้คนอื่นรู้กันทั่ว

"ถ้าจะไปเร็ว ไปคนเดียว, ถ้าจะไปไกล, ไปด้วยกัน" (สุภาษิตอัฟริกัน)

อย่ากลัวที่จะก้าวช้า ๆ แต่จงกลัวที่จะอยู่เฉย ๆ

ไม่ใช่ภูเขาข้างหน้าที่ทำให้คุณหมดเรี่ยวแรง มันคือทรายในรองเท้าคุณต่างหากที่ทำให้คุณอ่อนล้า 
-QuoteS JunioR-

ผมรู้จักการแบ่งเวลาครับ เล่นเป็นเล่น งานเป็นงาน เล่น 80% งาน 20%

งานมากกูก็เบื่อ งานเหลือกูก็เกลียด  งานละเอียดกูก็งง  บอกตรงๆ กูขี้เกียจ!!

ความฉลาด ยิ่งพยายามอวด ยิ่งดูโง่

คนที่เป็นเพื่อนกันมักเป็นเพราะสนใจในเรื่องเดียวกัน คนที่เป็นศัตรูกันเป็นเพราะสนใจในเรื่องเดียวกันเช่นกัน

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แอ๊ปเปิ้ลประกาศหาคู่



สุภาพสตรีนางหนึ่งชื่อว่า แอ๊ปเปิ้ล อายุอานามก็ปาเข้าไป 30 กว่าแล้ว

แต่ยังโสดเลยลงประกาศหาชายในฝันทางหน้าหนังสือพิมพ์แต่มีข้อแม้ดังนี้

1. หากมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันขอให้พูดจากันดี ๆ อย่าลงไม้ลงมือ

2. จะต้องไม่จากหล่อนไปไหน จะอยู่เคียงข้างกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน

3. ต้องเต็มร้อยในเรื่องบนเตียง

หลังจากลงประกาศอยู่หลายวันไม่มีใครมาติดต่อ

อีก 2-3 สัปดาห์ต่อมา ขณะที่กำลังทำงานบ้านอยู่ก็มีคนมาเคาะประตู

พอหล่อนออกไปเปิดก็พบผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น แขนขาด้วน หน้าตาน่าสงสาร

แอ๊ปเปิ้ล..."มาหาใครคะ"

ชายพิการ..."ผมมาหาคุณแอ๊ปเปิ้ลครับ"

แอ๊ปเปิ้ล... "ดิฉันนี่แหละค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ"

ชายพิการ.. "คือ..ผมเห็นประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์

ผมก็เลยคิดว่าผมมีคุณสมบัติครบถ้วน ตามที่คุณต้องการ"

แอ๊ปเปิ้ล... (งงเล็กน้อย) "คุณมีคุณสมบัติอะไรที่ว่าครบ"

ชายพิการ... "ข้อ 1 ผมไม่ตบตีคุณแน่ เพราะผมไม่มีมือไม่มีแขน และ

ข้อ 2 ผมไม่ทอดทิ้งคุณไปไหนเพราะผมไม่มีขา"....

แอ๊ปเปิ้ล.... "เอ่อ ... เอ่อ.. แล้วข้อ 3 ล่ะคะ" หล่อนถามด้วยความสงสัยเป็นที่สุ

ชายพิการ... "คุณครับ ผมไม่มีมีมือ ไม่มีแขน ไม่มีขา

แล้วเมื่อสักครู่ที่ผมเคาะประตู คุณคิดว่าผมใช้อะไรเคาะละครับ"

ที่หน้าร้านขายไข่


ที่หน้าร้านขายไข่ มีคนยืนเข้าแถวรอซื้อไข่ราคาถูกตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด สักพักมี"ลุง"คนหนึ่งเดินมาถึงก็แซงคิวมาข้างหน้า คนที่อยู่ในคิวก็ผลักแกกลับไปต่อท้ายแถวลุงจึงพูดแบบอารมณ์เสีย

"นี่ พวกคุณมาผลักผมแบบนี้รับรองไม่มีใครได้ไข่กลับบ้านแม้แต่คนเดียว"

ไอ้หนุ่มในแถวคนหนึ่งตะโกนใส่คุณลุง
"ทำไม.....ลุงนักเลงเหรอ"
ลุงตะโกนตอบ "กูไม่ใช่นักเลง กูจะมาเปิดร้านขายไข่โว๊ย

cr. ชุม เจตนาดี 5555555555

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความรัก ก็เหมือน ที่จอดรถ

ความรัก ก็เหมือน ที่จอดรถ

วนรอบแรก
- เฮ่อ...รถเต็มไปหมด จะมีที่ไหนว่างบ้างไหมเนี่ย เหนื่อยนะ...
- วนรถเนี่ยมันก็เหมือนกับที่เราต้องการหาใครสักคน ยิ่งหาก็ยิ่งไม่เจอ...
...
วนรอบสอง
- เจอละ ที่ว่าง แต่เฮ้ย ทำเลไม่ดีเลยว่ะ ลองขับไปข้างหน้าดีกว่า เผื่อจะมีที่ดีกว่านี้
ดั๊นนนนน ไม่มี กลับมาจอดที่เก่าก็ได้วะ... อ้าว!!! เวรกกรรม มีคนจอดไำปแล้วอะ...
- ไม่ค่อยต่างกะเราเจอใครคนนึงที่ดีแสนดี
แต่ดันคิดว่า...มันก็หาดีกว่านี้ได้ รออีกหน่อยดีก่า
พอคิดได้ก็ ม.ค.ป.ด. (หมาคาบไปแดก)...

วนรอบที่สาม (ก็ได้วะ)
- อ้าว... อิ๊บ อ๊าย ขับเลยเว้ยเฮ้ย แม่_...ไรว้า...
- คล้ายๆ ป่ะ ก็ไอ้ทำนองที่ว่า รักแล้วก็ไม่บอก
ปิดกันไป...ปิดกันมา กลัวเสียฟอร์ม
กลัวเขาไม่รัก เก็บไว้ดีกว่า เพื่อนสนิทก็พอวุ้ย
พอเลยปุ๊บ จะถอยก็ไม่ได้ รถข้างหลังเสียบปั๊บ เป็นไงหละ เศร้าเลย...

เอาวะ รอบที่สี่ ก็ได้
- เฮ้ยๆๆๆ เจอแล้ว แต่ถอยยากชิบ คันหลังก็ตามมาอีก เวร ไปข้างหน้าก็ได้วะ
อ้าว...? เฮ้ย...? ทำไม...? คันหลังเข้าง่ายจังวะ...? เฮ่อ...! ชวดอีกแล้วตู...
- เหมือนกะที่เราเห็นเขาสูงส่งเหลือเกิน พยายามไปก็เหนื่อยเปล่า
แล้วเป็นไงหละ ต้องสู้ ไม่สู้ก็อดสิวะ

มันจะยากเย็นอะไรขนาดนี้กะการหาที่จอดรถ

เอาหน่า รอบที่ห้า น่าจะมี
- เฮ้ย มันจอดซ้อนคันได้นิหว่า แต่ไม่เอาดีก่า
เดี๋ยวเขาเข็นไปชนตูดคันหน้า .. ก็เศร้า
- ก็เหมือนกะไปรักคนมีเจ้าของเข้า ไปเป็นกิ๊กเค้า
ต้องคอยระมัดระวัง แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ไม่มีความสุขอยู่ดี

ปัดโธ่เว้ย ก็ได้ว่ะ ขับกลับบ้าน ไปจอดที่บ้าน แล้วเดินมาก็ได้วะ

สุดท้าย
บางครั้ง การแสวงหาก็ทำให้มนุษย์เกิดความทุกข์
บางครั้งการอยู่คนเดียว มันก็สบายใจอย่างที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

CIA , FBI กับ ตำรวจไทย ต่างกันอย่างไร

CIA , FBI กับ ตำรวจไทย ต่างกันอย่างไร นี่คือข้อแตกต่าง... โดยโจทย์คือ การหา กระต่ายในป่า

FBI-Federal Bureau Investigation. ใช้เวลาค้นสองสัปดาห์ ฆ่าสัตว์ทุกตัว จนกระต่ายจำนน ยอมออกมามอบตัว

 CIA - Central Intelligence Agency ถามสัตว์ทุกตัวให้ต้นไม้ทุกต้นเป็นพยาน จนรู้ว่า กระต่ายไม่อยู่ในป่านี้แล้ว

 ตำรวจไทย - ส่งตำรวจ เข้าไปในป่า ซ้อมแพะ จนอาการปางตาย จนแพะทนไม่ไหวต้องจำใจยอมรับว่า "ก็ได้ ผมเป็นกระต่าย"

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มุขหมอคนไข้

เรื่องที่ 1
ผม: หมอช่วยด้วยครับ! ป้าผมเป็นลมหมดสติ !
หมอ: ใจเย็นๆครับ ถึงมือหมอแล้วไม่ต้องเป็นห่วง เชิญรอด้านนอกครับ ..
ผม: ....ป้าผมเป็นไรครับหมอ
หมอ: น้ำตาลขึ้นครับ
ผม: ผมดีใจแทนเกษตรชาวไร่อ้อยด้วยครับ.....ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับที่ป้าผมเป็นลมล่ะครับ?

เรื่องที่ 2
คนไข้ : หมอสรุปผมเปนมะเร็งรึป่าวครับ
หมอ : คุณเป็นมะเร็งครับ
คนไข้: หมอครับเเล้วผมจะอยู่ได้อีกนานเเค่ไหน
หมอ: ก็เรื่อยๆนะโรงบาลเปิด 24 ชม.

เรื่องที่ 2
หมอ: แฟนคุณอยู่ได้อีกแค่ 3 วันนะครับ สามี: แฟนผมอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอหมอ T_____T หมอ: วันที่ 4 กลับบ้านได้แล้วครับ

มุขครูนักเรียน

เรื่องที่ 1
ครู: มีใครรู้บ้างว่า 2 พี่น้องตระกูลไรท์ชื่ออะไร
นร.: ผมรู้
ครู: ว่ามา
นร.: Nero กับ Princo ครับ
ครู.: เก่งมาก เอาไว้ไรท์ให้พ่องดูนะ

เรื่องที่ 2
ครู : ข้อ 1 ตอบอะไร
นร. : ความรัก
ครู : ข้อ 2 ตอบอะไร
นร. : ความรัก
ครู : ตอบอะไรของเธอนิ
นร. : ความรักคือคำตอบของทุกอย่าง

เรื่องที่ 3
ครู : ไหนใครคิดว่าตัวเองโง่ยืนขึ้น (เด็กชายยืนขึ้น)
นักเรียน : (เด็กชายยืนขึ้น)
ครู : เธอคิดว่าตัวเองโง่หรอนักเรียน
นักเรียน : ป่าวครับ ผมสงสารครูครับเลยยืนเป็นเพื่อน

เรื่องที่ 4
ครู : ครูสอนไม่ดีหรือเธอโง่
นักเรียน : คุณครูไม่รู้ตัวจริงๆหรอครับ

มุขพ่อแม่ลูก

เรื่องที่ 1
พ่อ : นี่ลูก !
ลูก : ครับพ่อ ?
พ่อ : ถ้าเอ็งแต่งงานไปแล้วเอ็งอย่าลืมให้พ่อดูดนมเมียเอ็งนะ
ลูก : พ่อครับ? ! นั่นเมียผมนะ พ่อจะดูดนมเมียผมได้ไง ?!!
พ่อ : อ้าวว ทำไมจะไม่ได้ ก็ตอนเด็กๆ เอ็งยังดูดนม 'เมียพ่อ' เลย

เรื่องที่ 2
ลูก : แม่หนูสอบตก เข้ามหาลัยกะไม่ได้ ชีวิตตต !!!
แม่ : ไม่เป็นไรลูกแม่
ลูก : คะ
แม่ : ที่นาเราเยอะเเยะมีเป็น พัน พัน ไร่ ขาดอย่างเดียว
ลูก : ขาดอะไรหรอแม่
แม่ : ควายย
ลูก : เงิบบบ !@#$%^

เรื่องที่ 3
ลูก: แม่ผมมีแฟนแล้ว
แม่: แล้วเรียนที่ไหน
ลูก: ก็ที่เดียว ห้องเดียวกัน เรียนเก่งด้วย
แม่: ...
ลูก: แม่เงียบทำไม
แม่: มึงเรียนชายล้วน

เรื่องที่ 4
พ่อ : สอบตกอีกแล้วหรอวะ ?
ลูก : ก้อข้อสอบมันยากนี่พ่อ .
พ่อ : ถ้าสอบตกคราวหน้า ไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ .
ลูก : คับๆ
หลังสอบ
พ่อ : เป็นไงบ้างลูก ?!
ลูก : ใครลูกคุณ!!
พ่อ : ............

เรื่องที่ 5
พ่อ : เป็นอะไรไปลูก นั่งร้องไห้แต่เช้าเชียว
ลูกสาว: (สะอื้น) เมื่อคืนค่ะพ่อ ใครก็ไม่รู้ ปีนหน้าต่างเข้ามาปล้ำหนูค่ะ
พ่อ: (โกรธ) มันเป็นใครมันทำอะไร หนูบ้าง แล้วทำไม หนูไม่ร้องเรียกพ่อ
ลูกสาว: หนูไม่กล้าร้องเรียกค่ะ มันขู่หนู
พ่อ: มันขู่ว่าไงลูก
ลูกสาว: มันขู่ว่า ถ้าหนูร้องคราวหลัง จะไม่มาอีกค่ะ ...
พ่อ: ………?

มุขชายหญิง

เรื่องที่ 1
ผู้หญิง : เราเลิกกันเถอะ !!!
ผู้ชาย : สหกเาพวสำไหกพด่เพ
ผู้หญิง : พิมพ์อะไรมา ?
ผู้ชาย : ขอโทษแล้วกัน .. เช็ดน้ำตาที่คีย์บอร์ดอยู่
ผู้หญิง : T-T

เรื่องที่ 2
หญิง : เฮ้ออออ ! เหงาจัง
ชาย : อยากหายเหงาไหมครับ
หญิง : ทำไงหร๋อค้ะ ?
ชาย : ง่าย ๆ เลยครับ แค่คุณจับที่หัวของคุณ
หญิง : ทำไมร๋อ
ชาย : ก็ยังมี ผม ! ไง

เรื่องที่ 3
ช : แต่งงานกับผมนะ
ญ : คุณจะรักฉันไปอีกนานแค่ไหน?
ช : ผมจะรักคุณไปจนกว่าลิเวอร์พูลจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
ญ : แอร๊ยยย !! ตกลงค่ะ^^

เรื่องที่ 4
ช : ร้อนๆยังงี้ช่วยมาเป็นอะไรที่มันเย็นๆให้เราหน่อยสิ
ญ : เป็นแอร์?
ช : เป็น Fan
ญ : -//////-

เรื่องที่ 5
ชาย : จับมือได้ป่ะ
หญิง : บ้า !!
ชาย : กอดได้ป่ะ
หญิง : บ้า !!
ชาย : หอมแก้มได้ป่ะ
หญิง : บ้า !!
ชาย : นี้ตกลงจะไม่ให้ทำอ่ะไรเลยใช่ป่ะ
หญิง : แล้วมึงเป็นอัมพาตหรือไง พูดอยู่ได้แต่ไม่ทำ

เรื่องที่ 6
ช: เธอๆ กระโปรงมีจีบเยอะจังอะ
ญ: อืมมม ทำไมอะ
ช กางเกงเราไม่มีจีบเลยอะ ขอจีบได้ปะ

เรื่องที่ 7
สาวเข้าไปจีบชายหนุ่ม; สวัสดีค่ะพ่อรูปหล่อ
ชาย; สวัสดีครับ..เอ่อ..ผมแต่งงานแล้วครับ
สาว; อ๋อค่ะ..!แล้วสนใจ"อยากมีเมียน้อยที่มีผัวแล้วมั๊ยคะ"

เรื่องที่ 8
หญิง: พี่คะ เล่านิทานให้ฟังหน่อย
ชาย: กาลครั้งหนึ่ง มีผู้หญิงหน้าตาเน่าเฟะเละดูไม่ได้คนนึง..จบ
หญิง: นิทานอะไรของพี่อะ
ชาย: นิทานอีศพ

เรื่องที่ 9
หญิง: มึงตบกูทำไม?
ชาย: ก็มึงมันไม่ดีหนิ!
หญิง: ถ้ากูไม่ดี แล้วมึงจะมาเอากูทำเมียทำไม???
ชาย: ก็มึงสวยยยหนิ -///-
หญิง: >///<เอร้ยยยย ไอ้ผัว บ้า

เรื่องที่ 10
ช: ลิปสติกของคุณ สมควรอยู่ที่ริมฝีปากของผม ญ: บะบะบ้าาา จะจูบเค้าหรอ-/////- ช: ขอยืมทาต่างหาก นังชะนี! ญ: ....

เรื่องที่ 11
ช : เดี๋ยวผมไปกดเงินก่อนนะไปด้วยกันป่าว ญ : ไม่อ่ะ เดี๋ยวฉันรอในรถ ช : ไม่ได้ !!! ญ : อ่าว ทำไมละ? ช : มีคนบอกว่าห้ามเอาสิ่งมีค่าไว้ในรถ

เรื่องที่ 12
ช:เราชอบเธออ่ะ ญ:หืมมมม ช:เมื่อกี้น้องเราพิมพ์แกล้งอ่ะ ญ:แล้วไป ช:แต่เราเป็นคนกด Enter นะ ญ:... เขิลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล #5555555555

เรื่องที่ 12
ช: เธอชอบแมวเหรอ ญ: ชอบ ช: เมี้ยว

เรื่องที่ 13
ช: คุณพิการเหรอครับ ญ: เราก็ครบ32นะ ช: เหรอครับ ทำไมไม่เห็นมีใจเลย

เรื่องที่ 14
ชาย : ดีครับ หญิง : ดีค่ะ ชาย : มีแฟนหรือยังครับ หญิง : ยังค่ะ หญิง : ่ีั้ ะรหก ท่ิื่าดหก ชาย : คุณพิมพ์อะไรอ่ะ หญิง : ป่าวค่ะ ผัวตบหัวกระแทกแป้นพิมพ์ ชาย : ฝันดีครับ...

เอาเงินกูมา

โจร : เอาเงินมึงมา !!!! 
ส.ส. : เห้ย!! กูเป็น ส.ส. นะเว่ยเฮ้ย!!.. 
โจร : เออ... ดี งั้น เอาเงินกูมา!!

ของขวัญวันเกิด

ลูก: แม่คะ พรุ่งนี้หนูต้องไปงานวันเกิดลูกเจ้าของห้างพารากอน หนูจะให้อะไรเค้าดีคะ 
แม่: ให้ท่าเค้าเลยลูก

มึงจะลงหรือไม่ลง

หมอผี:มึงจะลงหรือไม่ลง 
ผี:กูไม่ลง 
หมอผี:งั้นมึงต้องเจอ วอ อิ ยอ ยอ อา นอ ผี:มึงทำไร 
หมอผี:กูกำลังสะกดวิญญาณอยู่ผี:ถ้ามึงเล่นงี้กูไปเกิดดีฝ่า

เคยเจอกันที่ไหน

ช: โทษนะครับ เหมือนเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึป่าว 
ญ: อ๋อ จำได้ค่ะ เจอกันตอนเกณฑ์ทหารไง

ดอกไม้สำหรับคนน่ารัก

ช : ผมมีดอกไม้ มาให้คนที่น่ารักที่สุดในโลก
ญ : ไหนละค่ะดอกไม้
ช : ไหนละครับคนที่น่ารัก -_-

ไม่ทัน

ไม่ทัน

มีชายหนุ่มที่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง เค้าเป็นนักธุรกิจ..
วันหนึ่งความใกล้ชิดเป็นเหตุ เค้ากับเลขาเกิด
อารมณ์เสน่หาขึ้นมา
ทั้งคู่จึงไปลงเอยกันที่บ้านของเลขาสาวสวย
และใช้เวลาร่วมรักกันตลอดบ่าย
และเผลอผล่อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย
จนกระทั่งสองทุ่ม ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว .. ตายละวา
ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านเดี๋ยวภรรยาจะต้องสงสัยแน่ๆ
จึงรีบให้เลขาเอารองเท้าทั้งสองข้างไปถูกับพื้นหญ้า
และพื้นขี้โคลนให้เปื้อนเลอะเทอ
แล้วรีบคว้าเสื้อและรองเท้ามาใส่ ตรงกลับบ้านทันที
เมื่อถึงบ้าน คุณภรรยาก็ยืนท้าวเอวรออยู่แล้ว
“ คุณไปไหนมา? “ สามีค่อยๆเดินเข้าบ้านและพูดว่า
“ ที่รักจ๊ะ..ผมไม่สามารถจะโกหกคุณได้
ผมได้ออกไปธุระกับเลขาผม และ
เราได้มีอะไรกันตลอด ช่วงบ่าย
ผมเผลอหลับไป เพิ่งจะตื่นเมื่อตอนสองทุ่มนี่เอง ”
แล้วตีหน้าเศร้า
ส่วนคุณภรรยา ก็เหลือบไปเห็นรองเท้าที่วางไว้
“ แกอย่ามาโกหกชั้นน่ะ ชั้นรู้น่ะ แกแอบไปเล่นกอล์ฟมาใช่มั้ย
คิดว่าชั้นโง่งั้นเหรอ ..ฮึ ”

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หนุ่มน้อยสัมภาษณ์ตำแหน่งผู้จัดการ


หนุ่มน้อยเพิ่งจบการศึกษาด้วยผลการ เรียนดีเยี่ยมไปสมัครงานใน
ตำแหน่งผู้จัดการบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ครั้งแรกไปแล้ว
ผู้อำนวยการได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ
ผู้อำนวยการ เห็นข้อมูลในประวัติของเด็กหนุ่มคนนี้ว่ามีผลการเรียนเป็นเลิศในทุกวิชาตลอดมา
นับตั้งแต่อุดมศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย ไม่ปรากฏว่าเขาทำคะแนนตกเลย

ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า " เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า ?"
เด็กหนุ่มตอบว่า " ไม่เคยครับ "
ผู้อำนวยการถามต่อว่า " คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ใช่ไหม? "
เด็กหนุ่มตอบว่า " คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเดียวครับ
เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผม"
ผู้อำนวยการถามต่อว่า " คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน? "
เด็กหนุ่มตอบว่า " คุณแม่รับจ้างซักผ้ารีดผ้า "

ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา
เด็กหนุ่มยื่นมือที่เรียบลื่นไม่มีที่ติให้ผู้อำนวยการดู
ผู้อำนวยการถามต่อว่า " เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำงานบ้างหรือเปล่า ?"
เขาตอบว่า " ไม่เคยครับ คุณแม่ต้องการให้ผมเรียนแล้วก็อ่านหนังสือเยอะ ๆ คุณแม่ซักผ้าได้เร็วกว่าผมด้วยครับ "
ผู้อำนวยการบอกว่า " ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย่างหนึ่งนะ
วันนี้ เธอกลับไปที่บ้าน ช่วยล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้วกลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช้า "

ด้วย ความมั่นใจว่าโอกาสที่จะได้งานทำมีอยู่สูงมาก
เมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขา จึงรู้สึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ของเขา
ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจ หวั่นใจ เธอส่งมือให้ลูก
หนุ่มน้อยค่อยๆ ล้างมือให้แม่ แล้วน้ำตาไหลก็ออกมา

เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่นั้นช่างเหี่ยวย่นและ เต็มไปด้วยริ้วรอยขูดข่วน
ซึ่งบางแผลพอโดนล้างน้ำก็ทำให้แม่เจ็บจนตัวสั่นระริก

นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มตระหนักรู้ว่า
มือคู่นี้เองที่ซักผ้าทุกวัน เพื่อหารายได้มาส่งเสียให้เขาได้เล่าเรียน
รอยแผลเหล่านี้คือ ราคาทีแม่ต้องจ่ายไปเพื่อความสำเร็จในการศึกษาของเขา เพื่อผลการเรียนที่ ยอดเยี่ยมของเขาและอาจจะเพื่ออนาคตของเขาด้วย

คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกัน อยู่นาน

เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟฟิศของผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของเขา จึงพูดขึ้นว่า
" ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร ? "
เด็กหนุ่มตอบว่า " ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เหลือจนเสร็จ "
ผู้อำนวยการบอกว่า " ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง "

เด็กหนุ่มตอบ
"ข้อที่หนึ่ง ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สำนึกในบุญคุณ
ถ้าไม่มีแม่ก็คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วย

ข้อที่สอง จากการช่วยแม่ทำงาน
ผมได้รู้ว่ามันลำบากยากเย็นยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอย่างหนึ่ง

ข้อที่สาม ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความรักและความผูกพันในครอบครัว "

ผู้อำนวยการจึงบอกว่า " นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ
ฉันอยากได้ คนที่รู้ค่าของการได้รับความช่วยเหลือ
อยากได้คนที่เข้าใจถึงความลำบาก ของใครสักคนในการจะทำอะไรได้มาสักอย่าง
และอยากได้คนที่ไม่ได้ตั้งเงิน เป็นเป้าหมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว
มาเป็นผู้จัดการให้ฉัน เป็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำงาน "

ในเวลาต่อมา เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้ทำงานอย่างหนักและได้รับความนับถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา
ลูกจ้าง ทุกคนทำงานเป็นทีมอย่างขยันขันแข็ง กิจการของบริษัทก็เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี

เด็กที่ถูกตามใจจนเป็นนิสัยได้รับทุกอย่างที่ต้องการ
จะสร้างนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก
เขาจะไม่สนใจ ความเหนื่อยยากของพ่อแม่
เมื่อถึงวัยทำงานเขาก็จะคาดหวังว่า ใคร ๆ จะต้องเชื่อฟังเขา
เมื่อเขาเป็นผู้จัดการ เขาจึงไม่มีวันรู้ว่าบรรดาลูกจ้างนั้นลำบากอย่างไร
และมักจะโทษคนอื่น

คน ลักษณะนี้อาจจะทำงานได้ อาจจะประสบความสำเร็จช่วงหนึ่ง
แต่ในที่สุด แล้ว เขาจะไม่สำเหนียกคุณค่าของความสำเร็จ
หากยังคงคร่ำครวญ และไม่มีวันรู้สึกเพียงพอ

ถ้าเรา เป็นพ่อแม่ประเภทที่ปกป้องลูกแบบนี้ จงถามตัวเราว่า
เรากำลังให้ความรัก กับลูกหรือ กำลังทำลายเขากันแน่ ?
เราให้ลูก ๆ มีบ้านใหญ่ ๆ อยู่ กินอาหารดี ๆ เรียนเปียโน ดูทีวีจอใหญ่
แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย
หลังอาหาร ให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเองพร้อม ๆ กับพี่ ๆ น้อง ๆ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้
แต่เพราะเราอยากจะให้ความรักกับพวกเขาอย่างถูกวิธี
เราอยากให้เขาเข้าใจว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย
วันหนึ่งก็จะต้องผมขาว แก่เฒ่าลงไป เหมือนกับแม่ของเด็กหนุ่มคนนี้

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกของเราจะได้เรียนรู้ คือ รู้คุณค่าของความพยายาม
ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง และได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นให้เป็น